posttoday

จับทายาทซัมซุง เสี่ยงก่อภาวะสุญญากาศ

18 กุมภาพันธ์ 2560

ศาลกลางประจำกรุงโซลของเกาหลีใต้ อนุมัติหมายจับ อีแจยอง รองประธานบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ วัย 48 ปี

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

ศาลกลางประจำกรุงโซลของเกาหลีใต้ อนุมัติหมายจับ อีแจยอง รองประธานบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ วัย 48 ปี บุตรชายของอีคุนฮี ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท ซัมซุง เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ข้อหาข้อคอร์รัปชั่นและติดสินบน โดยอีแจยองถือเป็นผู้บริหารระดับสูงคนแรกในประวัติศาสตร์ 79 ปี ของซัมซุง ที่ถูกจับกุมตัวเนื่องจากพัวพันกับคดีอาญา

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า การขอออกหมายจับดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยอัยการได้ตั้งข้อหาเพิ่มกับอีแจยอง ประกอบด้วย การปกปิดการกระทำผิดทางอาญาและฝ่าฝืนกฎหมายการถ่ายโอนทรัพย์สินในต่างประเทศ โดยอัยการสงสัยว่าเงินบริจาค 4.3 หมื่นล้านวอน (ราว 1,300 ล้านบาท) ให้กับมูลนิธิ 2 แห่ง ในเยอรมนีของชเวซุนซิล คนสนิทประธานาธิบดี ปาร์กกึนเฮ ใช้ติดสินบนให้รัฐบาลสนับสนุนการควบรวมธุรกิจภายในของซัมซุงเมื่อปี 2015 ปูทางให้อีแจยองก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารอย่างราบรื่น

ก่อนหน้านี้ อัยการเกาหลีใต้ได้ยื่นขอหมายจับเมื่อเดือน ม.ค. ในข้อหาติดสินบน ยักยอกเงิน และให้การเป็นพยานเท็จกรณีข่าวอื้อฉาวของประธานาธิบดี ปาร์กกึนเฮ แต่ถูกศาลปฏิเสธเนื่องจากยังมีหลักฐานไม่เพียงพอ โดยการสอบสวนอีแจยองเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค. และครั้งที่ 2 ราว 15 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 13 ก.พ.

ขณะนี้อีแจยองถูกควบคุมตัวไว้ที่ทัณฑสถานกรุงโซล โดยอัยการมีเวลาราว 20 วัน ในการยื่นฟ้อง ซึ่งหลังยื่นฟ้องแล้วศาลต้องตัดสินคดีดังกล่าวภายใน 3 เดือน อย่างไรก็ดี รอยเตอร์สรายงานอ้างโฆษกของซัมซุงว่า ทางบริษัทยังไม่ตัดสินใจว่าจะดำเนินการสู้คดีหรือยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวอีแจยอง

ทั้งนี้ อีแจยองขึ้นมาบริหารซัมซุงนับตั้งแต่ อีคุนฮี ประธานซัมซุงล้มป่วยด้วยโรคหัวใจในปี 2014 และผลักดันการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ขึ้นในบริษัท เช่น การแสวงหาหน่วยธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวของซัมซุงด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทต่างชาติหลายสิบแห่ง ได้แก่ บริษัท ลูปเพย์ อิงค์ ที่ทำธุรกิจโมบายวอลเล็ต บริษัท วิฟ แล็ป ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และบริษัท ฮาร์มาน อินเตอร์เนชั่นนัล ซึ่งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี นอกจากนี้ อีแจยองยังผลักดันการปรับปรุงระเบียบทางการเงินในบริษัท และได้ร่วมคลี่ คลายความขัดแย้งกับบริษัทคู่แข่งอย่างแอปเปิ้ล อิงค์ กรณีการฟ้องร้องเรื่องสิทธิบัตร

หวั่นซัมซุงเกิดสุญญากาศ

แม้การจับกุมตัวอีแจยองไม่มีแนวโน้มกระทบการดำเนินงานทั่วไป แต่จะส่งผลให้การตัดสินใจสำคัญๆ ด้านกลยุทธ์หยุดชะงัก โดยทำให้ซัมซุงยังไม่สามารถเปิดเผยแผนการและเป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้ ขณะที่พยายามหาทางปรับโครงสร้างบริษัทและฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกรณีแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน รุ่นกาแล็คซี่ โน้ต 7 ติดไฟลุกไหม้ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการเก็บคืนและบั่นทอนชื่อเสียงของบริษัท อีกทั้งซัมซุงยังเผชิญแรงกดดันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากบริษัทใกล้เปิดตัวสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ เอส 8 รุ่นใหม่ ที่คาดว่าจะวางจำหน่ายปลายเดือน ก.พ.นี้

นอกจากนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังกระทบการดำเนินงานด้านทรัพยากรบุคคล โดยนับตั้งแต่เกิดข่าวอื้อฉาวขึ้น ซัมซุงต้องเลื่อนการปรับเปลี่ยนบุคลากรประจำปีออกไป จากตามปกติที่ต้องมีการดำเนินการดังกล่าวในเดือน ธ.ค.

“การปล่อยให้เกิดภาวะสุญญากาศในการบริหารงานของซัมซุง ซึ่งถือเป็นตัวแทนของธุรกิจเกาหลีใต้จะสร้างความไม่แน่นอนขึ้นและบั่นทอนความเชื่อมั่นของทั่วโลก รวมถึงสร้างภาระใหญ่กดดันเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังชะงักงันอยู่ในขณะนี้” สมาพันธ์นายจ้างเกาหลีใต้ ระบุ

จับตาผู้บริหาร 3 ตัวเต็ง

การจับกุมตัวอีแจยองส่งผลให้หลายฝ่ายเริ่มจับตา 3 ผู้บริหารซัมซุงที่จะขึ้นมามีบทบาทสำคัญในบริษัทมากขึ้น โดย “ชเวจีซุง” ประธานหน่วยกลยุทธ์ของซัมซุง รวมถึงเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาและวางแผนให้อีแจยองก้าวเข้ามาบริหารซัมซุงแทนบิดา คาดว่าจะเป็นตัวเลือกแรกที่อาจมานั่งแท่นบริหารงานระหว่างที่อีแจยองถูกควบคุมตัว

ขณะเดียวกัน “ควอนโอฮยอน” รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้บริษัทมีแนวโน้มขึ้นมานั่งแท่นบริหารเช่นกัน เนื่องจากมีประสบการณ์นำพาบริษัทผ่านช่วงวิกฤตสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ โน้ต 7 มาได้

สำหรับตัวเต็งรายสุดท้ายคือ “อีบูจิน” น้องสาวของอีแจยองและดำรงตำแหน่งผู้บริหารชิลลาโฮเทล โรงแรมและบริษัทจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีรายใหญ่ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า อีบูจินไม่มีแนวโน้มขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งพี่ชาย เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์บริหารมากพอ ไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ซัมซุง และเป็นเรื่องยากที่ผู้หญิงจะก้าวเข้ามามีบทบาทควบคุมธุรกิจขนาดใหญ่ของครอบครัว