posttoday

ชมรมช่วยเหลือเหยื่อฯลั่นเปิดหลักฐานคดีครูจอมทรัพย์หลังศาลไต่สวนเสร็จ

17 มกราคม 2560

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยันมีหลักฐานสำคัญในคดีครูจอมทรัพย์ ลั่นรอศาลไต่สวนเสร็จสิ้นเปิดเผยแน่

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยันมีหลักฐานสำคัญในคดีครูจอมทรัพย์ ลั่นรอศาลไต่สวนเสร็จสิ้นเปิดเผยแน่

จากกรณีที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูที่เพิ่งพ้นโทษจำคุก 3 ปี 2 เดือน คดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 ที่อ.เรณูนคร จ.นครพนม ได้เข้าร้องเรียนผ่านกระทรวงยุติธรรมให้ศาลรื้อฟื้นคดีโดยอ้างว่าไม่ได้กระทำผิดเป็นการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาผิดตัว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมต่อกระบวนการยุติธรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า มีหลักฐานและพยานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าคดีครูจอมทรัพย์นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ

"หลังจากครูจอมทรัพย์ไปออกรายการทีวีต่างๆ ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ เป็นแพะในคดีที่ตัวเองไม่ได้ก่อ โดยมีผู้ก่อเหตุขับรถชนคนตายตัวจริงมายอมรับสารภาพว่าเป็นคนทำ ทางชมรมก็ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่จ.สกลนคร และนครพนม เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงจนพบข้อพิรุธหลายๆอย่าง นอกจากนี้ยังได้พยานหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมหลักฐานคลิปวีดีโอ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะก้าวล่วงและละเมิดอำนาจศาล ขณะเดียวกันเกรงจะทำลายหลักฐานของตำรวจ

ล่าสุด ครูจอมทรัพย์ได้ขอยื่นเรื่องเพื่อรื้อฟื้นคดีใหม่ เบื้องต้นศาลชั้นต้นยกคำร้อง ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งรับคำร้องขอรื้อฟื้นคดีและสั่งให้ศาลจังหวัดนครพนม สืบพยาน วันที่ 8-10 ก.พ. แต่ในขณะนี้ยังบอกว่าครูจอมทรัพย์เป็นแพะไม่ได้ เพราะตามกฎหมายถือว่าครูจอมทรัพย์ยังเป็นผู้ต้องหา เพราะศาลได้มีการลงโทษแล้ว ติดคุกไปแล้ว ครูจอมทรัพย์จะเป็นแพะก็ต่อเมื่อคำพิพากษาศาลฏีกาซึ่งมีการรื้อฟื้นคดีใหม่ตัดสินว่าครูบริสุทธิ์ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าแพะ"

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ออกมาครั้งนี้เพราะไม่อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมถูกทำลาย ตนยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่คดีนี้ไม่ชอบมาพากลและเชื่อว่ามีคนจ้องจะทำลายกระบวนการยุติธรรม จึงขอทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่าง

"ที่ผ่านมา 7 ปี ชมรมเราช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นแพะและช่วยเหลือเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมไทย ใช้เงินทุนส่วนตัวหมดไปมากกว่า 3 ล้านบาท แต่คดีนี้ผมขออยู่ตรงข้ามแพะ ขอเดิมพันในคดีนี้ หากคดีครูจอมทรัพย์ เป็นแพะจริง ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยินดีให้ครูจอมทรัพย์ ฟ้องทั้งอาญาและแพ่งได้ทันที และยินดีที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องนี้ ด้วยการยุติการทำหน้าที่ของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และจะไม่มีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมอีกต่อไป แต่ถ้าหากครูจอมทรัพย์ เป็นแกะ ทางชมรมฯ ต้องการเพียงแค่ให้ขบวนการนี้ ถูกนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้น"

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ชมรมฯไม่เคยรับเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่บาทเดียว ดังนั้น ต้องแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปี ทางชมรมฯ ไม่เคยก้มหัวให้กับตำรวจที่ประพฤติมิชอบรายใดทั้งสิ้น และไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพล สิ่งที่ออกมาแย้งในวันนี้ ก็เพื่อความถูกต้องในการให้พี่น้องประชาชนได้รับฟังข้อมูลทั้ง 2 ด้าน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ซึ่งทางชมรมฯ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีนี้แม้แต่นิดเดียว

"ผมมีหลักฐานหมดแล้วแต่ยังเปิดเผยไม่ได้ รอให้ศาลไต่สวนเสร็จสิ้นเสียก่อน หลังจากนั้นผมจะทยอยลงหลักฐานมาเปิดให้ดูทีละวัน แต่ยังไงก็ตามผมเชื่อว่าทางอัยการ ศาล ตำรวจเขารู้หมดแล้วล่ะ อันเดียวกับที่ผมมี"ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมกล่าว