สุดทึ่ง!WWFค้นพบสิ่งมีชีวิต163ชนิดพันธุ์ใหม่ลุ่มน้ำโขง
WWF เผยรายงานการค้นพบสิ่งมีชีวิต 163 ชนิดพันธุ์ใหม่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ด้านไทยเจอศรีน่าน-กิ้งก่าเขาหนามภูเก็ต-กะท่าง
WWF เผยรายงานการค้นพบสิ่งมีชีวิต 163 ชนิดพันธุ์ใหม่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ด้านไทยเจอกล้วยศรีน่าน-กิ้งก่าเขาหนามภูเก็ต-กะท่าง
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ได้เปิดเผยรายงานสิ่งมหัศจรรย์ใหม่แห่งลุ่มน้ำโขง (Species Oddity) โดยเปิดเผยการค้นพบอันน่าตื่นเต้นของนักวิทยาศาสตร์ นั่นคือ สิ่งมีชีวิต 163 ชนิดพันธุ์ใหม่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แบ่งเป็น สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 9 ชนิดพันธุ์ ปลา 11 ชนิดพันธุ์ สัตว์เลื้อยคลาน 14 ชนิดพันธุ์ พืช 126 ชนิดพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 3 ชนิดพันธุ์ โดยพื้นที่ที่ค้นพบได้แก่ ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศเวียดนาม และประเทศไทย
ทั้งนี้ การสำรวจซึ่งดำเนินการโดย WWF เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนสัตว์และพืชสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบทั้งหมดในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง มีจำนวนมากถึง 2,409 ชนิดพันธุ์
จิมมี่ โบราห์ ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าของ WWF ประจำภูมิภาคลุ่มน้ำโขง กล่าวว่า พื้นที่ลุ่มน้ำโขง เปรียบเสมือนสนามแม่เหล็กที่ดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์จากทั่วโลก ให้เข้ามาสำรวจและศึกษาถึง ความหลากหลายทางชีวภาพอันน่ามหัศจรรย์ในพื้นที่ นักวิทยาศาสตร์เองก็เป็นเหมือนวีรบุรุษผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแข่งขันกับเวลาที่เหลือน้อยลง และเพื่อช่วยอนุรักษ์สัตว์หายากเหล่านี้
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของรายงานสิ่งมหัศจรรย์ใหม่แห่งลุ่มน้ำโขง (Species Oddity) ประกอบด้วยดังนี้
1.งูหัวสีสายรุ้งเหลือบเงิน หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Parafimbrios สามารถพบได้ตามพื้นที่หน้าผาที่สูงชันทางตอนเหนือของประเทศลาว โดยมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สามารถพบงูชนิดดังกล่าวได้เพียงพื้นที่เดียว แต่จากการค้นพบล่าสุด พบว่ามีงูหัวสีสายรุ้งเหลือบเงินอยู่ในพื้นที่อื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งสร้างความหวังให้กับนักวิทยาศาสตร์ถึงโอกาสการอยู่รอดที่มากขึ้น
2.กิ้งก่าเขาหนามภูเก็ต หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Acanthosaura phuketensis มีจุดเด่นคือแผงหนามยาวจากหัวถึงกลางสันหลัง สามารถพบได้ในป่าของจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันจำนวนมีจำนวนลดลง โดยมี สาเหตุจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยและตกเป็นเหยื่อของการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
3.กล้วยศรีน่าน หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Musa nanensis เป็นกล้วยพันธุ์หายาก สามารถพบได้ทางภาคเหนือของประเทศไทย แต่จากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าที่มากขึ้นส่งผลให้กล้วยศรีน่านอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
4.อึ่งขนาดเล็กซึ่งมีขนาดลำตัวยาวเพียง 3 เซนติเมตร หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Leptolalax isos สามารถพบได้ในประเทศกัมพูชาและประเทศเวียดนาม แต่จากสถานการณ์การทำป่าไม้ การขยายพื้นที่เกษตรกรรม และการก่อสร้างโครงการพลังงานน้ำขนาดใหญ่ ทำให้จำนวนของอึ่งชนิดพันธุ์ดังกล่าวมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
5.กะท่าง หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Tylototriton anguliceps มีลักษณะเด่นคือ ผิวหนังสีส้มสลับดำที่นูนขึ้นมาเป็นทางยาว โดยสามารถพบได้ในจังหวัดเชียงราย ผิวหนังส่วนที่นูนขึ้นมานี้มีความอ่อนไหวอย่างมากต่อสารกำจัดศัตรูพืช และปัจจุบันกะท่างกำลังอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากแหล่งที่อยู่อาศัยที่ถูกทำลายลง
6.ตุ๊กแก หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gekko bonkowskii มีลักษณะเด่นคือ ส่วนหางจะเป็นปล้องสีฟ้าอ่อนสลับปล้องสีดำ สามารถพบได้ตามเทือกเขาที่ห่างไกลในประเทศลาว นักวิทยาศาสตร์ซึ่งศึกษาและสำรวจหินย้อยภายในถ้ำเป็นผู้ค้นพบตุ๊กแกชนิดพันธุ์ดังกล่าว การค้นพบครั้งนี้ เชื่อกันว่าอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความเข้าใจที่มากขึ้นถึงวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลานในบริเวณเทือกเขาอันนัม
7.ดอกไม้ ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่มีวงกลีบเลี้ยง 2 ด้านยื่นขึ้นมาด้านข้างคล้ายกับหูของตัวการ์ตูนมิกกี้ เม้าส์หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า kingdon-wardii โดยสามารถพบได้บริเวณยอดเขาวิกตอเรีย ซึ่งตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาชิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศพม่า การค้นพบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศพม่า ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการปกป้อง
8.ค้างคาว ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือมีขนาดเล็กและมีขนหนาปกคลุมหัวและช่วงแขนด้านหน้า หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Murina kontumensis สามารถพบได้บนที่ราบสูงตอนกลางของประเทศเวียดนาม
ปัจจุบัน ภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากกระแสการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการทำเหมือง การสร้างถนน ไปจนถึงการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ รวมไปถึงปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังคุกคามความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่หลายหมื่นหลายพันให้อาจต้องสูญหายไปก่อนจะได้รับการค้นพบ
“นักสะสมสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ที่หายาก ยินยอมจ่ายเงินจำนวนหลายล้านบาท เพื่อให้ได้ครอบครองสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ที่มีคุณค่าเหล่านี้ ตลาดใหญ่ที่สำคัญคือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศไทย และประเทศพม่า เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาและปรับการทำงานเพื่อปิดตลาดการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ให้หมดไป รวมไปถึงปิดฟาร์มเพาะเลี้ยงเสือและหมี ที่คอยป้อนสัตว์ให้กับตลาดค้าสัตว์ป่า” ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าของ WWF ประจำภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ WWF ได้นำเสนอโครงการเพื่อหยุดยั้งการค้าขายสัตว์ป่าและปิดตลาดค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเป็นการทำงานร่วมกับพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ WWF มีปณิธานที่ชัดเจนว่าจะลดจำนวนการค้าสัตว์ป่า ซึ่งกำลังคุกคามความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ช้าง เสือ และแรด ผ่านการทำงานสนับสนุนกลไกด้านกฎหมาย การประสานความร่วมมือระหว่างชายแดน และการเพิ่มมาตรการกดดันการซื้อขายสินค้าจากสัตว์ป่าข้ามชายแดนให้เข้มข้นมากขึ้น.