เปิดหัวโขน ‘ทศกัณฐ์’ หนุ่มนักการทูตไทย-ฝรั่งเศส
เมื่อนักการทูตหนุ่มสายเลือดไทย-ฝรั่งเศส มาแสดงโขนสวมบท“ทศกัณฐ์” ภาพชายหนุ่ม วิรัช ศรีพงษ์ (วิ) หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส
โดย...ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์
เมื่อนักการทูตหนุ่มสายเลือดไทย-ฝรั่งเศส มาแสดงโขนสวมบท“ทศกัณฐ์”
ภาพชายหนุ่ม วิรัช ศรีพงษ์ (วิ) หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส สวมบท“ทศกัณฐ์” ตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ ที่ร่ายรำ สง่างาม และเข้มแข็ง ดุดัน บนเวทีการแสดงโขนสมกับบทบาท “กษัตริย์ยักษ์”
ภายใต้หัวโขนนั้น หนุ่มวัย 30 ปี ที่หน้าตาออกสไตล์ฝรั่งนิดๆ ดูมีเสน่ห์ ยิ้มและพูดจาภาษาไทยด้วยถ้อยคำอักขระชัดเจน ท่าทีสุภาพอ่อนน้อม ทำให้เราสนใจเรื่องราวเส้นทางชีวิตการก้าวสู่เส้นทางนักแสดงโขนของเขา
วิรัช เล่าว่า เขาสนใจศิลปะการแสดง วัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะมีความสนใจการแสดงโขนมากเป็นพิเศษ พิเศษขนาดไหนเขาเปรียบว่าเสมือน “ชีวิต” ของเขาเอง และไม่ใช่แค่สนใจจะแสดงโขนเท่านั้น “วิรัช” มีความรู้แตกฉานเรื่องรามเกียรติ์ จนได้เป็นสุดยอดเป็นแฟนพันธุ์แท้ “รามเกียรติ์” ปี 2544 ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งเป็นหนุ่มน้อยอายุประมาณ 15-16 ปีเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นนักร้องคลื่นลูกใหม่ของ “วงสุนทราภรณ์”
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นการสนใจการแสดงโขนนั้น วิรัช เล่าว่า ผมสนใจเรื่องโขนมาตั้งจำความได้ประมาณ 2 ขวบ ที่คุณพ่อพาไปดูโขนครั้งแรก และได้มาเริ่มเรียนโขนเมื่ออายุ 11 ขวบ ที่สนใจเรียนโขนเพราะชอบชุดของโขนที่วิจิตรและสง่างามมาก รวมถึงลีลาท่าทางการออกท่าทางร่ายรำตามทำนองเพลงและบทกลอน
การจะซึมซับและเข้าถึงศิลปะการแสดงชั้นสูง “โขน” อย่างลึกซึ้งน้้น ทำให้วิรัชมีความสนใจศึกษาอ่านวรรณกรรมรามเกียรติ์อย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันก็ได้แรงสนับสนุนจากครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ แม้ว่าท่านเป็นชาวฝรั่งเศส ท่านก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และชอบเกี่ยวกับศิลปะการแสดง
“ตอนเด็กๆ ผมใฝ่ฝันที่จะเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป์ ซึ่งในช่วงระหว่างการตัดสินใจสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยนั้น ผู้ใหญ่ก็แนะนำว่าเราสามารถที่จะเรียนวิชาอื่นๆ และเอาความรู้ความสามารถด้านภาษาของเราไปสื่อสารถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมไทยในต่างชาติก็ได้ ในขณะเดียวกันระหว่างการเรียนระดับมหาวิทยาลัยนั้น ก็ยังสามารถเรียนรู้ศิลปะการแสดงโขนควบคู่กันไปด้วยได้ ทำให้ผมตัดสินใจเรียนด้านรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และตั้งใจทำงานเป็นนักการทูต เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งของความฝันและความตั้งใจของผม” วิรัช กล่าว
“วิรัช” จบปริญญาโททั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจบปริญญาโทศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.) สาขายุโรปศึกษา (สหสาขาวิชา/นานาชาติ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโท Sciences Po ซิยองซ์โป ฝรั่งเศส สถาบันรัฐศาสตร์ปารีส (Institut d’Etudes Politiques de Paris) แห่งซิยองซ์โป หนึ่งในสถาบันการศึกษาด้านสังคมศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลก และผลิตผู้นำ นักการเมือง และนักการทูตระดับประเทศมาแล้วเกือบ 150 ปี
ปัจจุบัน วิรัช รับข้าราชการในตำแหน่งนักการทูตปฏิบัติการ (เลขานุการตรี) กระทรวงการต่างประเทศ แต่อีกบทบาทหนึ่งในวันว่าง วิรัช ยังคงมาซ้อมการแสดงโขนในบทบาท “ทศกัณฐ์” ที่สถาบันคึกฤทธิ์ทุกวันอาทิตย์ และมีโอกาสได้แสดงบท “ทศกัณฐ์” ในโขนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
การแสดงโขนนั้น วิรัช มีมุมมองว่าเป็นเรื่องของการค้นพบตัวเอง และสามารถที่จะปลดปล่อยพลังของการเป็นตัวของตัวเองได้ จากประสบการณ์จากการแสดงโขน พอจุดหนึ่งเราได้เห็นตัวเราเองจากตัวที่เราแสดง โดยเฉพาะในเรื่องความเพียร ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับตัวเองได้ในหลายส่วน ทั้งเรื่องเรียน การทำงาน การอยู่ในสังคม
“ผมทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ อย่างแรกเรื่องความเพียร การรู้จักกาลเทศะ การอ่อนน้อมถ่อมตน การให้เกียรติผู้อื่น รวมถึงการประพฤติปฏิบัติเป็นข้าราชการที่ดี ก็ได้มาจากตอนพาลีสอนน้องในเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งการแสดงโขนได้สอนผมทุกอย่าง และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ”
วิรัช เล่าว่า การทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศก็เกี่ยวข้องกับศิลปะการแสดงและวัฒนธรรมของไทย ซึ่งเปรียบเป็นตัวแทนของประเทศ ที่จะสามารถจะถ่ายทอด สื่อสาร และ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการแสดงโขน นาฏศิลป์ไทย อาหารไทย ซึ่งผมโชคดีที่ได้เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์มาจากบรมครูระดับศิลปินแห่งชาติหลายๆ ท่าน ทำให้เข้าใจศิลปะการแสดงโขน และเรื่องราวความเป็นวัฒนธรรมไทยได้อย่างเข้าใจลึกซึ้ง ซึ่งจะทำให้สามารถนำไปเผยแพร่ในต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งผมได้เคยพูดคุยถ่ายทอดเรื่องราววัฒนธรรมไทย ความเป็นมาของศิลปะการแสดงไทย ให้กับแขกระดับชั้นผู้ใหญ่ที่เดินทางมาประชุมระหว่างประเทศอยู่บ่อยๆ” วิรัช เล่าอย่างภาคภูมิใจ
ถ้าจะถามว่าการแสดงโขนกับการเป็นนักการทูตเกี่ยวพันกันอย่างไรนั้น วิรัช บอกว่า ผมเรียนรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมา เวลาเจอสภาวะการเจรจาต่อรองระหว่างประเทศนั้น ผมคิดว่าการเจรจาต่อรองนั้น สามารถที่จะนำบทบาท “ทศกัณฐ์” มาปรับใช้ได้ เช่น ทศกัณฐ์จะมีชั้นเชิงการเจรจาต่อรอง เพื่อที่จะไปเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายมาเห็นด้วยกับฝ่ายตัวเองได้ ซึ่งก็เหมือนเป็นหลักการทูต คือ การใช้อำนาจและเสน่ห์ ซึ่งแต่ละคนจะมีเสน่ห์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน นอกจากนี้การแสดงโขนนั้น ยังได้รับคำสั่งสอนมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องการประพฤติปฏิบัติตัว รวมถึงการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดี คือ การยืน การนั่ง ต้องสง่าและนิ่ง ไม่หลุกหลิก
“ผมฝึกโขนมาเป็นสิบปีเข้าเส้นอยู่ในสายเลือดมาตลอด และโขนเปรียบเหมือนเป็นชีวิตของผม หรือเหมือนกับ ‘ถ่าน’ ในชีวิต ถ้าถอดโขนออกจากชีวิตผมแล้ว ก็เหมือนเอาถ่านออกจากชีวิตผม โขนจะติดตัวผมไปจนตาย แม้ว่าผมไม่อยู่ในวงการโขนโดยตรง แต่ความรักหวงแหนโขนไม่น้อยกว่าคนอื่นทั่วไป โขนซึมในสายเลือดของผม” วิรัช หนุ่มสายเลือด “โขน” กล่าว