posttoday

ไฮโซหนุ่มขับเบนซ์ชนนิสิตปริญโทดับ2ศพปฏิเสธ6ข้อหา

28 พฤศจิกายน 2559

จำเลยคดีขับเบนซ์ชนรถ 2 นิสิตปริญญาโทดับปฏิเสธ 6 ข้อหา แต่รับสารภาพข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้านญาติผู้ตายเรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน

จำเลยคดีขับเบนซ์ชนรถ 2 นิสิตปริญญาโทดับปฏิเสธ 6 ข้อหา แต่รับสารภาพข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้านญาติผู้ตายเรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน

จากกรณี นายเจนภพ วีรพร หนุ่มไฮโซ อายุ 37 ปีได้ขับรถยนต์เบนซ์พุ่งชนท้ายรถยนต์ฟอร์ดที่มี นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี เป็นคนขับ และน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี เป็นผู้โดยสาร โดยทั้งคู่เป็นนิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จนเกิดเพลิงไหม้ส่งผลให้ทั้งสองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ บริเวณ ถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมามีการเปลี่ยนทีมพนักงานสอบสวนในคดี และส่งสำนวนฟ้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเจนภพ พร้อมด้วยทนายความ และ ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายพร้อมทีมทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามคำสั่งของศาล เพื่อนัดประชุมคดี โดยทำการตรวจพยานเอกสารและกำหนดวันนัดสืบพยาน โดยในวันนี้ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะสอบถามจำเลยด้วยว่า จะยอมรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในคำฟ้องของพนักงานสอบสวน ใน 7 ข้อหาหรือไม่  โดยมีการประชุมคดีนานกว่า  4 ชั่วโมง

ต่อมาในเวลา 17.30 น.ภายหลังการนัดตรวจสอบเอกสารประกอบคำฟ้อง  นายเจนภพพร้อมครอบครัว และทีมทนายความได้เดินลงมาจากศาล โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน

ด้าน นางกมลรัตน์ ฮ้อแสงชัย อายุ 59 ปี มารดาของ น.ส.ธันฐภัทร์ เปิดเผยว่า  นายเจนภพรับสารภาพเพียงข้อหาเดียว คือ ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล และทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนอีก 6 ข้อหาให้การปฏิเสธ และศาลได้มีการนัดตรวจสอบเอกสารประกอบคำฟ้องอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคมซึ่งในวันนี้ยังตรวจเอกสารไม่เสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตามวันนี้ทางครอบครัว ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้เฉพาะ ครอบครัว น.ส.ธันฐภัทร์ รวมเป็นเงิน 100,635,503 บาท

ซึ่งหากศาลพิพากษาและได้เงินมาจะนำเงินส่วนใหญ่ไปตั้งมูลนิธิสืบสานเจตนารมณ์ ที่น.ส.ธันฐภัทร์ มีมาแต่เด็กในการที่จะทำนุบำรุงศาสนาพุทธสืบต่อไป อีกทั้งจะตั้งมูลนิธิเพื่อรณรงค์การขับรถอย่างมีสติต่อไป

"อยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ให้ประชาชนที่ประสบเหตุบนท้องถนนมีสิทธิเรียกร้องอะไรได้บ้าง เจ้าหน้าที่ควรทำงานอย่างไรแบบยุติธรรม และผู้ขับขี่รถยนต์ต้องมีความรับผิดชอบต่อการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างไรตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของการพิจารณาคดีก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม"นางกมลรัตน์กล่าว

ด้าน นางทิพย์ ถาวร อายุ58 ปี มารดาของนายกฤษณะ เปิดเผยว่า ตอบอะไรไม่ถูก ที่นายเจนภพ รับสารภาพเพียงข้อหาเดียว ส่วนข้อหาอื่นไม่ยอมรับสาราภาพ ครอบครัวยังมีความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม

สำหรับคดีที่ทางอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำสำนวนส่งฟ้องศาล ให้นายเจนภพตกเป็นจำเลยใน 7 คดี ประกอบด้วย 1.ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  2.ขับรถยนต์เร็วกว่าที่กำกฎหมายกำหนด 3.ขับรถยนต์โดยเมาสุราหรือของมึนเมา เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4.เป็นผู้ขับรถยนต์โดยเสพยาเสพติดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 5.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในการขับขี่   6.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และ 7.ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน