posttoday

ผบ.ตร.รับไม่ได้คลิปกราบรถสั่งท้องที่เร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

07 พฤศจิกายน 2559

ผบ.ตร.รับไม่ได้คลิปพิธีกรทำร้ายคู่กรณี-ให้กราบรถ สั่งท้องที่เร่งดำเนินคดี ระบุแค่รถชน ไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกาย

ผบ.ตร.รับไม่ได้คลิปพิธีกรทำร้ายคู่กรณี-ให้กราบรถ สั่งท้องที่เร่งดำเนินคดี ระบุแค่รถชน ไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกาย

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ในฐานะรองโฆษกตร. กล่าวถึงกรณีคลิปเหตุการณ์ที่ นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล นักแสดงและพิธีกรเจ้าของรถมินิคูเปอร์สีเหลือง ที่ทำร้ายร่างกายชายคู่กรณีซึ่งขี่จักรยานยนต์พร้อมสั่งให้กราบรถ หลังเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัน โดยระบุว่า หลังมีคลิปเผยแพร่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้สั่งการตรงมาที่ตนให้เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมเพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ

"ผบ.ตร.เห็นคลิปแล้ว รับไม่ได้ เห็นว่าเป็นคดีจราจรปกติ อุบัติเหตุบนท้องถนนเล็กน้อยแต่กลับปรากฏการทำร้ายร่างกายกันตามที่เห็น ก็รับไม่ได้ ดูเป็นการใช้อารมณ์และไม่มีสิทธิทำขนาดนั้น จึงสั่งกำชับให้ดำเนินการโดยเร็ว ตามกฎหมาย ซึ่งผมเองเห็นแล้วก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าการดำเนินคดี หรือแจ้งข้อหาอะไรก็ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐาน ไม่เกี่ยวกับกระแสสังคม

"จากที่ผมเห็นคลิปที่มีแพร่กันก็เห็นว่ามีการกระชากกันพาข้ามถนน มีการทำร้ายกัน 3 ช็อต เท่าที่เห็นไม่มีการตอบโต้ ต่อสู้ เห็นการทำร้ายฝ่ายเดียว แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินคดี พิจารณาแจ้งข้อหาไม่สามารถตัดสินได้จากคลิปเดียว มุมเดียว เรื่องนี้มีประจักษ์พยานจำนวนมาก พนักงานสอบสวนต้องเรียกมาด้วยเพื่อดูว่าก่อนและหลังจากในคลิปเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดอื่นๆเพื่อประกอบหลักฐาน เรื่องนี้ผมมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุจราจร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติบนท้องถนน เกิดอะไรให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ขอให้คุมอารมณ์ อย่าใช้อารมณ์อย่างกรณีนี้ เรื่องแบบนี้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ อย่าพิพากษาเอง"รองโฆษกตร.กล่าว

พล.ต.ต.ทรงพล กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เรื่องนี้แบ่งการดำเนินคดีเป็น 2 ส่วน 1.คือการเฉี่ยวชน ซึ่งสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ สิงโตคู่กรณีรับว่าเฉี่ยวรถของนายอัครณัฐ จริงแล้วหนีไป นี่คือสิ่งที่เขารับว่าหนีไป และพฤติการณ์ก็ชัดคือชนที่แยกบางรักและตามกันมาอีกจุด ส่วนรถแท็กซี่อีกคันนั้นตนไม่ทราบว่ามีการพูดถึงหรือไม่ แต่จากจุดนี้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ในความผิดที่เฉี่ยวชนแล้วไม่หยุดรถ เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ แก่นายกิตติศักดิ์ โดยยึดรถทั้ง 2 คันที่เป็นคู่กรณีกันตรวจสภาพเพื่อประกอบหลักฐานที่กก.3 บก.จร. คาดว่าวันนี้จะทราบผล

ส่วนที่ 2.กรณีมีเหตุทำร้ายร่างกายกัน ที่ชัดเจนคือนายกิตติศักดิ์ได้รับบาดเจ็บ มีคลิปนายอัครณัฐทำร้ายนายกิตติศักดิ์  ขณะนี้พนักงานสอบสวนส่งตัวนายกิตติศักดิ์ ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเลิดสิน คาดว่า 1 สัปดาห์ทราบผล หากพบว่าบาดเจ็บสาหัสก็ แจ้งข้อหาอาญา มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6เดือนถึง 10ปี และต้องดูด้วยว่าพฤติการณ์มีการข่มขืนใจหรือหน่วงเหนี่ยวอย่างไรหรือไม่ ถ้าเข้าก็แจ้งข้อหาเพิ่มด้วย ตรงนี้ในการทำร้ายร่างกายต้องดูพยานหลักฐานที่ปรากฎต้องดูว่าหากดั้งจมูกหัก ต้องรักษานานเพียงใด เข้าข่ายเจ็บสาหัสหรือไม่ แต่หากไม่ถึงขั้นสาหัสเป็นเพียงการทำร้ายร่างกายก็เป็นข้อหาลหุโทษโทษปรับ 1,000บาท

ทั้งนี้แม้ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนมีชื่อเสียง ก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี ทุกอย่างยึดกฎหมาย พบพฤติกรรมเข้าข้อกฎหมายใดก็แจ้ง ไม่เข้าหลักฐานไม่มีก็ไม่แจ้งข้อหานั้น