posttoday

พ่อพาลูก7ขวบให้ปากคำ มอบหลักฐานเอาผิดเพื่อนบ้าน

05 ตุลาคม 2559

พ่อ พา เด็กชาย 7 ขวบ ที่ถูกทำร้ายร่างกาย ให้ปากคำตำรวจ สน.คันนายาว พร้อมนำหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม เพื่อเอาผิดเพื่อนบ้านที่ก่อเหตุ เตือนเป็นอุทาหรณ์อย่าใช้อารมณ์

พ่อ พา เด็กชาย 7 ขวบ ที่ถูกทำร้ายร่างกาย ให้ปากคำตำรวจ สน.คันนายาว พร้อมนำหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม เพื่อเอาผิดเพื่อนบ้านที่ก่อเหตุ เตือนเป็นอุทาหรณ์อย่าใช้อารมณ์

วันที่ 5 ต.ค. ผู้ปกครองของเด็กชายวัย 7 ขวบ เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินคดีกับนายอำนาจ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี บิดาชองเด็กชายวัย 4 ขวบ หลังปรากฏคลิกวิดีโอในโลกโซเชียลว่าเป็นผู้ทำร้ายร่างกายเด็กชายวัย 7 ขวบ โดยวันนี้ได้นำคลิปวิดีโอและใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลนพรัตน์มามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย

พ่อของเด็กชายวัย 7 ขวบ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ทราบจากภรรยาและกล้องวงจรปิดว่าลูกของตนเองไปวิ่งเล่นอยู่กับลูกของคู่กรณี แต่ลูกของกคู่กรณีเกิดล้มร้องไห้เสียงดัง ลูกตนเองจึงพยายามเข้าไปปลอบ คู่กรณีที่ได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ จึงวิ่งลงมาจากห้องพักชั้น 5 และเข้าทำร้ายลูกชายของตนเองจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งตนเองยืนยันว่าจากคลิปวิดีโอลูกชายตนเองไม่ได้เล่นเกินกว่าเหตุ เป็นการเล่นตามประสาเด็กทั่วไป ทั้งนี้หากคู่กรณีมาขอโทษก็พร้อมจะให้อภัย แต่ยังกังวลเรื่องสภาพจิตใจของลูก ซึ่งอาการของลูกชายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีอาการเจ็บบริเวณตา และอาเจียน ประกอบกับมีอาการหวาดระแวง ซึ่งหลังจากให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่แล้วจะพาไปพบแพทย์อีกครั้ง ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปยังผู้ปกครองทุกคน อย่าใช้อารมณ์และขอให้ตั้งสติเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น

พ่อพาลูก7ขวบให้ปากคำ มอบหลักฐานเอาผิดเพื่อนบ้าน

 

ด้านพ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับ สน.คันนายาว ระบุว่า เมื่อวานนี้(4ตค.) นายอำนาจเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเด็กชายวัย 7 ขวบ โดยอ้างว่าเด็กชายไปทำร้ายลูกของตนเองก่อน  ทำให้ต้องแยกเป็น 2 คดี คือ คดีทำร้ายร่างกาย เด็ก 7 ขวบ และ คดีเด็กทำร้ายเด็ก ซึ่งเบื้องต้นจะต้องนำเด็กทั้ง 2 คนไปสอบปากคำกับนักสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการมีนบุรี ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามสำหรับคดีเด็กทำร้ายเด็ก ที่ผู้กระทำผิดอายุไม่เกิน 10 ปี จึงไม่จำเป็นต้องรับโทษ แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามกฏหมาย

ต่อมานายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางมาที่สน.คันนายาวเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวเด็กทั้ง 2 ฝ่าย และรับตัวไปประเมินทางการแพทย์เพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสภาพสังคมปกติได้ รวมถึงจะสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก โดยขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน ห้ามปราบไม่ให้เด็กเล่นกันด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุ และจะขอความร่วมมือกับชุมชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาหากเกิดเหตุ โดยสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน 1310 จะมีชุดเคลื่อนที่เร็วร่วมกับตำรวจเข้าระงับเหตุ