หัวขโมยดวงกุดย่องขึ้นบ้านแก้วขวัญเจอไฟช็อตดับ

หัวขโมยลอบเข้าบ้าน แก้วขวัญ วัชโรทัย หวังโจรกรรม แต่โชคร้ายเจอไฟช็อตเสียชีวิตขณะโรยตัวลงมาจากฝ้าเพดาน

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 22 ส.ค.53 พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต ในบ้านพักของนายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เลขที่ 553/12 ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีฒนา จึงนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

จากการตรวจสอบประตูหลังบ้านพบร่องรอยถูกตัดด้วยการใช้แก็สเป่า นอกจากนี้ยังพบเรือหางยาวติดเครื่องยนต์บรรทุกถังแก็สและอุปกรณ์ตัดเหล็กมาจอดเทียบท่าหลังบ้านดังกล่าว อีก 1 ลำ เมื่อขึ้นไปตรวจสอบห้องโถงบนชั้นที่ 2 พบศพนายนิกร รวยดี อายุ 37 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในสภาพสวมหมวกโม่งสีดำปิดบังใบหน้า ใส่เสื้อคอกลมสีดำลายขาว คลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า นุ่งกางเกงขายาว และใส่ถุงมือทั้ง 2 ข้าง ตามลำตัวมีบาดแผลไหม้เกรียมทั่วร่างกาย ข้างตัวพบมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุตและอุปกรณ์งัดแงะตกอยู่จำนวนหนึ่ง

ขณะที่ฝ้าเพดานใต้หลังคาตรงจุดที่พบศพมีรอยโหว่เนื่องจากถูกรื้อออก เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตน่าจะถูกไฟฟ้าดูดขณะกำลังโรยตัวลงมาจากฟ้าเพดานเพื่อลักทรัพย์สินในบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งให้สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช ผ่าชันสูตรอีกครั้ง

ต่อมาในเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ตายที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ภายในซอยทวีวัฒนา 1 แขวงและเขตธรรมศาลา กทม. เมื่อไปถึงพบนายนพฤทธิ์ รวยดี อายุ 40 ปี พี่ชายผู้ตายกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสั่งการให้พาตรวจค้นตามโรงเก็บของและห้องนอนของน้องชาย พบของกลางที่คาดว่าน่าจะได้มาจากการโจรกรรม เป็นพระพุทธรูป พระเครื่อง โต๊ะไม้ฝังมุข จอทีวีแอลซีดี 42 นิ้ว ชุดโฮมเธียเตอร์ นาฬิกาโบราณ เขาสัตว์ และอื่นๆ รวมกว่า 100 รายการจึงยึดเอาไว้เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายรายอื่นเดินทางมาตรวจสอบต่อไป

จากการสอบสวน นายนพฤทธิ์ ระบุว่า ไม่ทราบว่าของทั้งหมดเป็นของที่น้องชายโจรกรรมมาหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วทำอาชีพหาปลาไปจำหน่ายที่ตลาด ขณะที่น้องชายประกอบอาชีพรับซื้อของเก่าเป็นอาชีะเสริม 

ด้าน พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รอง ผบก.น.7 กล่าวว่า ดูจากสภาพศพนายนิกร และอุปกรณ์ที่พบในที่เกิดเหตุแล้วเชื่อว่าเป็นมืออาชีพ และตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของพี่ชายมากนัก เนื่องจากการของกลางซึ่งมีจำนวนและมูลค่ามากมายขนาดนี้ ผู้ตายไม่น่าจะหามาครอบครองเพียงคนเดียวได้น่าจะมาจากการโจรกรรมตามสถานที่ต่างๆ มามากกว่า ส่วนรายละเอียดการตรวจยึดได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา ร่วมกับพนักงานสอบสวน ทำทะเบียนเอาไว้ให้ละเอียดก่อนติดตามหาตัวผู้เสียหายรายอื่นๆ มาตรวจสอบเพื่อส่งคืนกลับไป อย่างไรก็ตามหากท่านใดสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สน.ธรรมศาลา