posttoday

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

17 สิงหาคม 2559

"ดีเอสไอ" แถลงผลตรวจยึดรถยนต์ของขบวนการรถยนต์จดประกอบ มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

"ดีเอสไอ" แถลงผลตรวจยึดรถยนต์ของขบวนการรถยนต์จดประกอบ มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ร่วมกันแถลงการขยายผลการสอบสวนในคดีพิเศษ กรณีขบวนการลักลอบนำรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ หรือ รถยนต์หรู

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุรถยนต์ถูกไฟไหม้ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และเราได้มีการดำเนินคดีมาส่วนหนึ่ง โดยมีการแถลงผลการตรวจสอบให้ประชาชนได้ทราบความคืบหน้าการดำเนินการในคดีดังกล่าวอยู่เป็นระยะ ในจำนวนรถยนต์ 7,123 คัน หลังจากช่วงที่ผ่านมาเราได้แถลงผลการดำเนินการไปแล้ว 8 คัน โดยวันนี้เราจะแถลงผลการตรวจสอบรถยนต์จดประกอบเพิ่มเติม ซึ่งในวันนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 มีรถ 37 คัน และกลุ่มที่ 2 มีรถ 12 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถที่หลักเลี่ยงภาษี โดยกลุ่มแรกมีการเตรียมการนำรถยนต์จดประกอบโดยแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จในส่วนขอการนำเข้าของเลขตัวถังและเครื่องยนต์ ส่วนกลุ่มที่สองมีการปลอมเอกสารการนำเข้าและดำเนินการในรถยนต์จดประกอบ ซึ่งทั้งสองกลุ่มจะทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ที่เป็นภาษีที่รัฐไม่ได้เก็บไป ทั้งนี้ รถยนต์ส่วนที่เหลือขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ดีเอสไอได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีการปลอมแปลงเอกสารการนำเข้านั้น สืบเนื่องจากกรณีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนพบกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถยนต์หรูทั้งคัน ที่มีมูลค่าสูง หรือซุปเปอร์คาร์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยวิธีการหลีกเลี่ยงภาษี และมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นจดทะเบียนมีรถยนต์ คณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของพลเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว รวมถึงพยานเอกสาร จึงเชื่อว่าเอกสารมีการปลอมและนำเอกสารปลอมเหล่านี้ไปยื่นจดทะเบียน พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัย 12 คันประกอบด้วย รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลี่ย์ 1 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อเฟอร์รารี่ 2 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ 1 คัน และรถยนต์ ยี่ห้อปอร์เช่ 8 คัน ซึ่งมูลค่ารถยนต์ที่ตรวจยึดประมาณ 70 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐประมาณ 280 ล้านบาท

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวต่อว่า ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ ซึ่งความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 4 เท่าของราคารวมค่าอากร และความผิดในการใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ ดีเอสไอขอแจ้งให้ผู้ครอบครองรถยนต์จดประกอบหรือผู้ที่ได้มาโดยสุจริตทราบว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมุ่งดำเนินการตามความผิดกฎหมายต่อขบวนการที่ลักลอบนำเข้าและกลุ่มบุคคลที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อนำไปจดทะเบียน โดยหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1202

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการเตรียมการนำรถยนต์จดประกอบโดยแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จในส่วนขอการนำเข้าของเลขตัวถังและเครื่องยนต์ สืบเนื่องจากกรณีการเข้าตรวจค้น บริษัท เอส เค ที มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 125 ม.1 ต.บางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี พบว่า เป็นสถานที่จดประกอบรถยนต์นำเข้าและสำแดงภาษีเท็จ และได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัย 37 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลี่ย์ 2 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ 14 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู 5 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า 7 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน 6 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อปอร์เช่ 1 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อดอดจ์ 1 คัน และรถยนต์ ยี่ห้อเลกซัส 1 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท โดยเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

 

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

 

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

 

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

 

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

 

ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน