posttoday

ธนาคารเซ็ง....เกลือเป็นหนอนยั้วเยี้ย

17 สิงหาคม 2553

เริ่มต้นคดีเป็นอุบัติเหตุ แต่ลงท้ายกลับกลายเป็นโจรกรรมอันพิลึกพิลั่นพอๆ กับนิยายเรื่องสั้น คดีตำรวจรับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ลักลอบขนเงินออกจากธนาคาร สาขาห้างสรรพสินค้าโลตัส อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

เริ่มต้นคดีเป็นอุบัติเหตุ แต่ลงท้ายกลับกลายเป็นโจรกรรมอันพิลึกพิลั่นพอๆ กับนิยายเรื่องสั้น คดีตำรวจรับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ลักลอบขนเงินออกจากธนาคาร สาขาห้างสรรพสินค้าโลตัส อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

โดย....ธนก บังผล

 

ธนาคารเซ็ง....เกลือเป็นหนอนยั้วเยี้ย

ทำผิดแล้วดันทิ้งหลักฐานเอาไว้ เมื่อกล้องวงจรปิดของธนาคารจับภาพ เดือนเพ็ญ นามนารถ ผู้จัดการธนาคารได้ระหว่างขนย้ายเงินสดถึง 16.9 ล้านบาทไปด้วย

เรื่องมาแดงตอนที่ตำรวจโทร.เข้ามือถือของผู้จัดการธนาคารที่ยักยอกเงินไป แต่ปลายสายที่รับโทรศัพท์กลับเป็นเสียงของร้อยเวรสอบสวน สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม แจ้งให้ทราบเจ้าของโทรศัพท์ประสบอุบัติเหตุขับรถเก๋งชนกับรถบรรทุกสิบล้อ แขนขาหักอาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ล่าสุดยังนอนรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู ยังให้การไม่ได้

เหตุครั้งนี้สันนิษฐานไปตามหลักฐานน่าจะมาจากสาเหตุเครียดที่เธอบริหารงานผิดพลาด ซึ่งคณะกรรมการบริหารของธนาคารมีมติให้เธอแก้ปัญหาและย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานสาขาปราจีนบุรีชั่วคราว และเมื่อแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้วให้ยื่นหนังสือลาออก แต่ก็ลงเอยด้วยเธอลงมือฉกเงินของธนาคารเสียเอง

คดีเกลือเป็นหนอนในอดีตเคยเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน ตำรวจกองปราบปรามเคยจับกุม ทัฬดนัย วัฒนวงศ์ อดีตพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานวมินทร์ ยักยอกเงินจากบัญชีของลูกค้า 56 ล้านบาท

คนร้ายถูกจับได้บริเวณชั้นใต้ดินห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ยอมรับว่าทำงานเป็นพนักงานฝ่ายเบิกถอนเงินมานานกว่า 7 ปี แต่ชอบเล่นพนันฟุตบอลต่างประเทศจนเป็นหนี้ และถูกติดตามทวงหนี้กว่า 10 ล้านบาท จึงอาศัยตำแหน่งหน้าที่ปลอมลายเซ็นลูกค้า 6 คน โอนเงินเข้าบัญชีที่ว่าจ้างเปิดรอไว้ถึง 18 ครั้ง ครั้งละ 2 แสนบาท ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2550 ต่อเนื่องถึงเดือน ม.ค. 2551

อีกคดี พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. เคยเข้าจับกุม สมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ยักยอกเงินของธนาคารเช่นกัน คดีนี้ ขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แจ้งความด้วยตนเอง หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเอทีเอ็มตรวจพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในบัญชีเงินฝากของพนักงานธนาคารคนนี้ซึ่งคาดว่าเป็นคนร้าย

สมเกียรติ เป็นพนักงานตำแหน่งธุรกิจสาขาอาวุโส ธอส. สาขาเซ็นหลุยส์ซอย 3 ผลการตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินเข้าออกผ่านธนาคารบัญชีของเขาจำนวนหลายบัญชี รวมมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท เขาถูกจับพร้อมของกลางเงินสดประมาณ 15 ล้านบาท ขณะขับรถหรูป้ายแดง บริเวณถนนสายนครราชสีมาบุรีรัมย์

พ.ต.ท.อดินันท์ ให้ความเห็นว่า ด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยป้องกันการยักยอกเงินของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการเข้าออกทางอิเล็กทรอนิกส์ การปฏิบัติงานของคนร้ายต้องทำมากกว่า 1 คน บางครั้งน้อยที่สุดก็ต้อง 3 คน

“อย่างคดีที่ผู้จัดการธนาคารยักยอกเงินไป 17 ล้านบาท กุญแจที่จะใช้ไขตู้เงินต้องไข 2 คน ก็ไม่รู้ว่าพลาดตรงไหน หรืออย่างกรณีของ ธอส. ขั้นตอนการวางระบบต้องเรียกว่าใช้ไม่ได้ มีการโอนเงินจากบัญชีลูกค้าไปเข้าบัญชีลูกที่คนร้ายเปิดไว้ เป็นบัญชีจากดอกเบี้ยเงินฝาก เมื่อพบมียอดเงินมากมายขนาดนั้นทำไมถึงไม่มีการเตือน”

กรณีนี้เป็นที่ฮือฮา เพราะเกิดการยักยอกเงินไปมากกว่า 300 ล้านบาท ขั้นตอนการสืบสวนกว่าจะตามตัวคนร้ายได้ พ.ต.ท.อดินันท์ เล่าว่า ทางธนาคารทราบเหตุแล้วแจ้งให้ตำรวจเข้าไปตามตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งกำลังหนีอยู่พอดี ก็ไปเจอตัวที่บุรีรัมย์ เราจึงได้ทำการตรวจสอบการกระทำความผิดโดยใช้การตรวจสอบปลายทางเงินว่าออกมาจากบัญชีของใคร

“เราเจอดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารถูกโอนไปยังบัญชีของผู้ต้องหาและคนใกล้ชิด ซึ่งจริงๆ แล้วคาดว่าน่าจะมีจำนวนมากกว่าที่เป็นข่าว มีการโอน 34 ทอด ช่วงที่เงินหายไปล็อตใหญ่ออกจากนอมินีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาเปิดบัญชีได้อย่างไร อาจจะเป็นการเปิดบัญชีของผู้ต้องหาให้ลูกค้าเอง”

เมื่อเปิดบัญชีเสร็จแล้วก็เปิดเอทีเอ็มโดยคนร้ายออกจากบ้านมาขึ้นรถไฟฟ้าไปลงมาบุญครองแล้วกดเงินทุกเช้า มีชีวิตที่ปกติ ดูแล้วไม่น่าสงสัย เพราะความไม่มีพิรุธนี่เอง เราตรวจสอบเจอเงินไหล มีการโอนเงิน การพยายาม ฟอกเงินของผู้ต้องหา เช่น ซื้อลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เป็นเงินกว่า 3040 ล้านบาท และไม่แน่ใจว่าไปซื้อมาจากผู้ที่ถูกรางวัลที่ 1 หรือว่าไปซื้อลอตเตอรี่แล้วถูกรางวัลที่ 1” พ.ต.ท.อดินันท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขรรค์ พยายามชี้แจงว่าเงินที่สมเกียรติยักยอกไปนั้นไม่เกี่ยวกับเงินในบัญชีลูกค้าที่ฝากไว้กับธนาคาร แต่เป็นเงินพร้อมจ่ายดอกเบี้ยให้ลูกค้า ขอให้ความมั่นใจกับลูกค้า ธอส.ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เงินที่พนักงานเอาไปนั้นเป็นเงินในบัญชีของธนาคารเอง การยักยอกเงินลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกใน ธอส. เราเฝ้าดูพฤติกรรมพนักงานคนดังกล่าวอยู่พักหนึ่งจึงแจ้งตำรวจดำเนินการ

“พฤติการณ์การยักยอกของสมเกียรตินั้นจะนำเงินจากบัญชีดอกเบี้ยที่รอจ่ายให้ลูกค้าเข้าบัญชีของตัวเขาเองตามธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่เขาเปิดไว้ในชื่อของตัวเอง ผู้ต้องหาจะทำช่วงเวลาหลังเลิกงานเมื่อธนาคารมีการเคลียริงเงินลงตัวเรียบร้อยแล้ว โดยจะโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มไปยังสาขาในห้างสรรพสินค้าย่านสยามสแควร์ วันละ 30 รายการ รายการละ 3 หมื่นบาท รวม 9 แสนบาท โดยทำมาแล้วราว 12 ปี” ขรรค์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยุคข้าวยากหมากแพงสังคมเต็มไปด้วยอาชญากรร้อยล้านรูปแบบ ธนาคารเป็นที่พึ่งเดียวจะฝากทรัพย์สินที่เก็บหอมรอมริบมาเพื่อกินดอกผลยามแก่เฒ่า แต่หากมี “เกลือเป็นหนอน” ยั้วเยี้ยอยู่ในองค์กรอย่างนี้ และไม่รีบกำจัดออกไป ก็อาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างคดีคนในยักยอกเงินเสียเองก็เป็นได้ ดังนั้นต้องหมั่นตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา!!!