เล็งใช้ยาแรงสั่งงดรับนักศึกษาแก้อาชีวะตีกันซ้ำซาก

เลขาธิการคณะกรรมการกอศ.เล็งใช้ยาแรง"สั่งงดรับนักศึกษา"แก้ปัญหาอาชีวะตีกันซ้ำซาก

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่าหลังนักศึกษาหญิง วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสีย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)และสถานศึกษาทุกแห่งไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยสอศ.กำลังพิจารณาใช้มาตรการทางการบริหารที่เข้มข้นขึ้น หากต่อไปพบว่าสถานศึกษารัฐและเอกชนใดไม่ดำเนินการตามมาตรการ และยังปล่อยให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทซ้ำซาก จะสั่งให้งดรับนักเรียน นักศึกษาใหม่ในปีถัดไปทันที ซึ่งมาตรการนี้เคยใช้มาแล้ว และขณะนี่้้กำลังจับตาสถานศึกษาของรัฐและเอกชนที่เข้าข่ายอยู่ 5 แห่ง

นอกจากนี้ ยังได้ย้ำบทโทษต่อสถานศึกษามี 4 ระดับตั้งแต่ตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และปรับพฤติกรรม แต่ไม่สามารถนำเด็กที่มีปัญหาออกจากระบบการศึกษาได้เพราะมี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 คุ้มครองอยู่ และ2.บทลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ถือกฎหมายที่จะใช้กรณีที่เด็กก่อเหตุร้ายแรง  

นายชัยพฤกษ์ กล่าวว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ได้กำชับให้ สอศ.ติดตามปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดย สอศ.ได้เรียกประชุมผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนในกลุ่มจตุจักรซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง จำนวน 11 แห่ง มาสอบถามถึงมาตรการแก้ไขปัญหาที่สถานศึกษาใช้อยู่ยังมีช่องว่างอะไรบ้าง เมื่อเกิดเหตุขึ้นได้ดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่ รวมถึงประสานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อย่างไร อย่างไรก็ตาม หลังจากมีคำสั่งคสช. มาตรา 44 แก้ปัญหาดังกล่าวออกมา  กลับยังมีเหตุการณ์ยกพวกทะเลาะวิวาทของเด็กอาชีวะทั้งของรัฐและเอกชน 2-3 แห่งอยู่
 
ทั้งนี้ ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เด็กอาชีวะประมาณ 10 คนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการได้ยกพวกทะเลาะวิวาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้ปกครองมารับทราบข้อกล่าวหา และให้วางเงินประกันรายละ 5,000 บาท หากตลอดช่วง 2 ปีนับจากนี้ไม่ก่อเหตุซ้ำจะคืนเงินประกันให้ แต่หากก่อเหตุซ้ำอีกจะริบเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเด็กของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทันที ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดซึ่งรุนแรงจนนักเรียนหญิง ปวช.1 เสียชีวิตนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานการทำงานร่วมกับสถานศึกษาต้นสังกัด เพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษอย่างใกล้ชิดแล้ว.