สภาสตรีจีนเชิญสภาสตรีไทยร่วมสานสัมพันธ์2องค์กร
สภาสตรีจีนเชิญสภาสตรีไทยร่วมประชุมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสององค์กร ศึกษาดูงานฝึกอาชีพ และเดินหน้าทำกิจกรรมร่วมกันระยะยาว
สภาสตรีจีนเชิญสภาสตรีไทยร่วมประชุมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสององค์กร ศึกษาดูงานฝึกอาชีพ และเดินหน้าทำกิจกรรมร่วมกันระยะยาว
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พร้อมด้วย ดร.ปราศรัย ประวัติรุ่งเรือง รองประธานสภาสตรีฯ นางจิตรี จิวสันติการ ประธานคณะกรรมการบริหารฯ และ ดร.ปัทมา รูปสุวรรณกุล กรรมการสภาสตรีฯ ฝ่ายต่างประเทศ ได้รับเชิญจากสหพันธ์สตรีแห่งประเทศจีน เข้าร่วมประชุม และศึกษาดูงานกิจการสตรีของจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรสภาสตรีฯของสองประเทศ โดยมี นางเมิ่ง เสี่ยวซื่อ รองประธานสหพันธ์สตรีแห่งประเทศจีน ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ ได้มีการเข้าเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยสตรีแห่งประเทศจีน พร้อมทั้งลงนามความร่วมมือในการพัฒนา การแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยสตรีแห่งประเทศจีน กับมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ รวมถึงการจัดตั้งสถาบันขงจื้อ เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนและการทำกิจกรรมส่งเสริมความรู้ให้สตรีและเด็กในประเทศไทย
นอกจากนั้นได้ เดินทางเยี่ยมชมศูนย์กิจกรรมสตรีและเด็ก เขตไห่เตี้ยน ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอาชีพที่หลากหลายและครบวงจร ทั้งการฝึกทำอาหาร ฝึกการเป็นนางแบบ ฝึกชงชา ฝึกการเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคม ฝึกทำงานศิลปะ ฝึกตัดเย็บเสื้อผ้า ฝึกทำอาหาร เป็นต้น รวมทั้งไปศึกษาดูงานที่ศูนย์บริการสตีตลาดทรัพยากรแรงงาน เมืองกวางเจา
ดร.วันดี กล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจากสหพันธ์สตรีประเทศจีนอย่างอบอุ่น โดยได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผู้แทนระดับสูงมาร่วมประชุมด้วย ทำให้องค์กรสตรีของสองประเทศ มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จากนี้ไปจะมีการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นระยะ โดยสภาสตรีฯ ได้เชิญทางจีน มาร่วมงานวันสตรีไทย ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. 2559 จะมีการทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งการฝึกอาชีพ การศึกษาของเด็กและเยาวชน รวมถึงการขับเคลื่อนพลังสตรีเพื่อพลังงานสะอาด และรักษ์สิ่งแวดล้อม
สำหรับ สหพันธ์สตรีประเทศจีน ก่อตั้งเมื่อ ปี 1949 เป็นองค์กรที่ประกอบด้วยสตรีของชนชาติต่างๆ ทั้งที่เป็นกรรมกร พนักงาน ชาวนา ปัญญาชน และ ผู้ใช้แรงงานอื่นๆ หน้าที่หลักของสหพันธ์สตรีแห่งประเทศจีน คือ เป็นตัวแทนและพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของสตรี ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย โดยจะมีการประชุมสมัชชาผู้แทนสตรีทั่วประเทศทุก 5 ปี