จับเเล้ว!เด็กโบกรถ-ร้านค้าโก่งราคาดอกไม้หน้าวัดโสธร

เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็กโบกรถ-ผู้ค้าเอาเปรียบนักท่องเที่ยวขายดอกไม้เเพงเกินจริงที่วัดโสธรวราราม

หลังกลายประเด็นที่ถูกเเชร์เเละวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเเพร่หลายในโลกออนไลน์ กรณีหนุ่มคนหนึ่งไปไหว้พระที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกกลุ่มคนมัดมือชกกดดันให้ซื้อดอกไม้ไหว้พระในราคาสูงถึง 680 บาท

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก "เรารักแปดริ้ว Welove8riew.com" ได้เปิดเผยความคืบหน้าของเรื่องนี้ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ธนายุทธ สีดา รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เข้าจับกุมเด็กโบกรถของวัดเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับร้านค้าที่มีพฤติกรรมจับจองพื้นที่จอดรถหน้าวัดและพูดจาหว่านล้อมเพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อของ ซึ่งดอกไม้ธูปเทียนดังกล่าวมีราคาสูงกว่าท้องตลาดมาก ส่งผลให้มีผู้เสียหายหลายราย และทำให้ภาพลักษณ์ของทางวัดเสียหายด้วย เบื้องต้นจับผู้กระทำผิดไป 6 ราย ปรับรายละ 1 พันบาท ก่อนปล่อยตัวไป

"ประชาชนหวังว่า บุคคลเหล่านี้จะ สำนึกผิดหลังจากได้รับโทษแล้วจะไม่ออกมาค้าขายในลักษณะนี้อีก อีกทั้งประชาชนหลายๆรายก็ได้สาปแช่งให้ บุคคลใดก็ตามที่ทำให้องค์หลวงพ่อโสธรต่องเสื่อมเสียชื่อเสียง มีอันเป็นไป...ค้าขายอะไรก็ไม่เจริญ"เพจเฟซบุ๊ก เรารักแปดริ้ว Welove8riew.com ระบุ

ด้าน พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เข้าไปทำการตรวจสอบ และจับกุมกลุ่มบุคคลซึ่งมาเร่ขายดอกไม้ในบริเวณโดยรอบวัดแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ รวม 12 คน และในวันที่ 2 พ.ค. ได้จับกุมผู้ต้องหาได้มาเพิ่มอีก จำนวน 9 คน แต่สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้แค่เพียงเปรียบเทียบปรับ แล้วปล่อยตัวไปเพียงคนละ 500 บาทเท่านั้น ในข้อหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญ แก่บุคคลอื่น” ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 500 บาท เท่านั้น จึงทำให้กลุ่มบุคคลที่เข้ามาประกอบอาชีพหากินในลักษณะนี้ไม่เข็ดหลาบ หรือเกรงกลัวต่อกฎหมายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพราะค่าปรับนั้นน้อยมาก พอถูกปล่อยตัวกลับไป กลุ่มคนเหล่านี้ก็กลับไปกระทำการล่อลวงเหยื่ออีก เพราะหาเงินได้มากกว่าค่าปรับ

"ปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีเทศกาลวันหยุดยาว หรือในวันที่มีผู้คนเดินทางเข้ามาทำบุญยังที่วัดโสธรจำนวนมาก โดยทางกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะแฝงตัวเข้ามายึดสถานที่ ในการทำมาหากิน ซึ่งทางตำรวจก็ได้ออกไปไล่จับกุมตัวมาดำเนินคดีอยู่เนืองๆ วันละ 2-3 ราย ในวันหยุดปกติโดยมีบางวันก็ไม่สามารถทำการจับกุมมาได้"พ.ต.อ.ธราเทพกล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทาง นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการประสานงานมายัง สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งจะได้มีการนัดประชุมกัน เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งต่อไปก็อยากจะให้ฝ่ายทหารเข้ามาร่วมด้วย เพราะโทษตามกฎหมายที่ทางตำรวจจะสามารถดำเนินคดีได้นั้นน้อยเกินไป เมื่อถูกปล่อยตัวกลับไปแล้ว บุคคลเหล่านี้ก็กลับไปก่อเหตุใหม่ จึงต้องมีบทลงโทษที่หนักมากขึ้น

"เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ กลุ่มคนพวกนี้ก็จะหลบๆ หายไป แต่พอคล้อยหลังเจ้าหน้าที่กลับไปแล้ว เขาก็กลับมาทำกันอีก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีทั้งคนพื้นที่เอง และมาจากต่างพื้นที่ หรือบางครั้งก็ยังมีชาวต่างชาติเข้ามาหากินปะปนอยู่ด้วย โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลที่มีคนเยอะๆ จนทางเจ้าหน้าที่นั้นแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร เพราะมีการเปลี่ยนหน้ากันมาตลอด ดูจากผลการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาได้เป็นเวลา 2 วัน รวม 21 คนนั้น เป็นผู้ก่อเหตุที่ไม่ซ้ำหน้ากันเลย ทั้งๆ ที่ทำการจับกุมในจุดเดิม จุดเดียวกัน" พ.ต.อ.ธราเทพกล่าว

ภาพจาก https://www.facebook.com/welove8riew/photos/pcb.1123803714308570/1123803580975250/?type=3&theater