posttoday

"เตือนใจ"ทหารระงับวิธีการเรียกตัวชาวบ้านเข้าค่าย

22 เมษายน 2559

ประธานอนุกก.กสม.วอนทหารระงับวิธีการเรียกตัวชาวบ้านเข้าค่าย หวั่นสร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แนะให้ความเป็นธรรมชาวเลราไวย์หลังถูกทหารเรียกตัว

ประธานอนุกก.กสม.วอนทหารระงับวิธีการเรียกตัวชาวบ้านเข้าค่าย หวั่นสร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แนะให้ความเป็นธรรมชาวเลราไวย์หลังถูกทหารเรียกตัว

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ป่าไม้และที่ดิน แถลงข่าวก่อนลงพื้นที่บ้านทุ่งปาคา อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่าได้รับการร้องเรียนด่วนถึงกรณีที่ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 41 มีหนังสือเรียกตัวชาวเลในชุมชนราไวย์ จังหวัดภูเก็ต และแกนนำจำนวน 12 คนไปพบที่ค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสอบถามข้อมูลหรือให้ถ้อยคำ ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ชุมชนราไวย์ได้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันหลายครั้งระหว่างนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของที่ดินและชาวเลที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชน

นางเตือนใจกล่าวว่า การออกมาปกป้องสิทธิในที่ดินของชุมชนหาดราไวย์เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2553 ที่ให้คุ้มครองวิถีชีวิตชาวเล ซึ่งขณะนี้หลายฝ่ายกำลังร่วมกันพิสูจน์กรณีความขัดแย้งเรื่องที่ดินของชุมชนราไวย์ โดยที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานโดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าชาวเลอยู่ในที่ดินราไวย์มานานนับร้อยปี ดังนั้นจึงอยากเรียนไปยังพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ให้ช่วยระงับการกระทำในลักษณะนี้ เพราะเกิดเหตุการณ์เรียกแกนนำชาวบ้านไปยังค่อยทหารบ่อยครั้งขึ้น เช่น ที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะทำให้ตอกย้ำถึงความไม่เป็นธรรมที่ชาวบ้านได้รับ

“ดิฉันอยากขอร้องให้ช่วยกันคืนความสงบสู่ประชาชนด้วย โดยต้องอำนวยความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน และหาทางแก้ไขปัญหาความทุกข์ที่พวกเขาได้รับ แต่ไม่ใช่เรียกตัวแกนนำชาวบ้านไปในค่ายทหารแล้วสั่งให้ยุติ เพราะการกระทำเช่นนี้ยิ่งจะก่อให้เกิดความเดือนร้อนทุกหย่อมหญ้า มิใช่การคืนความสุขให้กับประชาชนเหมือนที่คสช.เคยประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อเข้ามา” นางเตือนใจ กล่าว

นางเตือนใจกล่าวว่า อาจเป็นเพราะนักธุรกิจที่ดินที่อ้างกรรมสิทธิในผืนดินที่ขัดแย้งกับชาวบ้านต้องการเร่งรีบดำเนินกิจการ แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม จึงทำให้เกิดควาขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้นสิ่งที่คสช.หรือมณฑลทหารบกควรทำคือร่วมหาทางออกให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ โดยชาวบ้านเพียงแต่ต้องการเส้นทางสาธารณะที่เดินไปสู่บาไลหรือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา รวมทั้งพื้นที่จอดเรือที่หลบมรสุม ซึ่งเป็นวิถีที่ชาวเลราไวย์ดำเนินมาช้านาน

ทั้งนี้พลตรีธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีหนังสือถึงชาวบ้านในชุมชนราไวย์ให้ไปพบเพื่อสอบถามข้อมูลหรือถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ โดยในหนังสือระบุว่า “เนื่องด้วยมีข้อมูลข่าวสารอันน่าเชื่อถือว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องในการชุมนุมหรือเป็นแกนนำในการชุมนุมของประชาชนชาวไทยใหม่ (ราไวย์) อันถือเป็นการฝ่าฝืนต่อประกาศ หรือคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามอ้างถึงมณฑลที่ 41/กองบัญชาการควบคุมมณฑลทหารบกที่ 41 จึงขอให้ท่านไปพบผู้บัญชาการ ที่ค่ายวชิราวุธ ในวันศุกร์ ที่ 22 เม.ย.2559 

อย่างไรก็ตามตามรายชื่อที่มณฑลทหารบกที่ 41 จะเรียกตัวไปพบปะสอบถามข้อมูลนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 12 คน แต่ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปถึงเจ้าตัว 6 คน ทั้งนี้ล่าสุดชาวบ้านได้ขอเลื่อนการเข้าพบออกไปซึ่งทางมณฑลทหารบกที่ 41 ได้นัดใหม่เป็นวันที่ 10 พ.ค.