posttoday

ภาคประชาชนบุกสตง.วางหรีดประณามผู้ว่าฯบิดเบือนดูหมิ่นการทำงาน

04 กุมภาพันธ์ 2559

ภาคประชาชนนับ100 คนบุกสตง.วางหรีดประณาม ผู้ว่าฯสตง.บิดเบือนดูหมิ่นการทำงานภาคประชาชน พร้อมตั้งเวทีปราศรัยไม่ไว้วางใจ

ภาคประชาชนนับ100 คนบุกสตง.วางหรีดประณาม ผู้ว่าฯสตง.บิดเบือนดูหมิ่นการทำงานภาคประชาชน พร้อมตั้งเวทีปราศรัยไม่ไว้วางใจ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นายคำรณ  ชูเดชา  ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน(ขสช.) พร้อมด้วยนายชูวิทย์  จันทรส  เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และแกนนำเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน เครือข่ายเยาวชน เด็กและครอบครัว  องค์กรผู้หญิง  และผู้นำชุมชน กทม.กว่า100 คน ตั้งเวทีปราศรัยไม่ไว้วางใจ นายพิศิษฐ์  ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หลังบิดเบือนงานภาคประชาสังคมที่รับทุนสนับสนุนจาก สสส.ทำนองว่าการทำงานรณรงค์ไม่ได้ผลไร้ประโยชน์เป็นเพียงอากาศ โดยเครือข่ายฯสลับกันแสดงความคิดเห็น จากนั้นร่วมกันวางพวงหรีดไว้อาลัย และอ่านแถลงการณ์ประณามนอกจากนี้ยังได้มีการแจกเอกสารที่ผู้ว่าสตง.อยู่เบื้องหลังสั่งให้กรมสรรพกรขยายฐานจัดเก็บภาษี  กับโครงการที่รับทุนสนับสนุนจากสสส. ทั้งนี้มีนายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการ สตง.เป็นผู้เดินทางมารับหนังสือและแถลงการณ์จากทางเครือข่ายฯ

นายคำรณ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ตลอด4 เดือน ที่ผ่านมาหลายฝ่ายได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วไม่พบการทุจริต แต่กำลังดำเนินการปรับปรุงพัฒนางานของ สสส.เช่นการปรับปรุงระเบียบ การสรรหากรรมการกองทุน และขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้มีดำริให้เร่งคืนสภาพการทำงานของ สสส.ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งล่าสุดประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) ได้พิจารณาอนุมัติโครงการที่ทาง คตร.ตรวจสอบแล้วจำนวนหนึ่งและกำลังเร่งรัดพิจารณาโครงการอื่นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในข้อเท็จจริงสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ  และไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ส่งผลกระทบกับบุคคล องค์กร รวมไปถึงส่วนราชการที่ขอรับทุนสนับสนุนโครงการจาก สสส. จำนวนมากที่ไม่สามารถเบิกงบประมาณโครงการได้ทั้งโครงการเก่าและใหม่ รวมถึงการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง5ปี จากกรมสรรพากร ทำให้บุคคล องค์กร เหล่านี้ต้องประสบชะตากรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  สร้างความเสียหายกับขบวนของภาคประชาชน ที่ลุกขึ้นมามีส่วนร่วมกับภาครัฐ  ในการรณรงค์  ทำงานสร้างเสริมสุขภาพ  สร้างสังคมไทยให้เข้มแข็งต้องหยุดชะงักลง   และมีหลายองค์กรต้องยุติบทบาทและปิดตัวลงแล้วอย่างน่าเสียดาย

นายคำรณ กล่าว ขสช.ได้ติดตามบทบาทของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนปัจจุบันมาโดยตลอด และพบว่ากว่าครึ่งปีที่ผ่านมา  มีการให้ข่าวอย่างต่อเนื่อง  ให้ร้ายวิจารณ์การทำงานของ สสส.โดยยังมิได้รับฟังคำชี้แจงใดๆรวมไปถึงการให้ข้อมูลการดำเนินโครงการต่างๆที่รับทุนสนับสนุนจาก สสส. ที่ไม่ถูกต้อง ชี้นำสังคมให้เข้าใจผิด และผิดหลักธรรมาภิบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกรณีที่เรื่องยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ก็พบว่ามีการส่งข้อมูลเหล่านั้นขยายผลทางสื่อออนไลน์ต่อไปอีก   สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารชน  ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา เป็นปัญหาทางจริยธรรมที่ควรถูกตรวจสอบอย่างยิ่ง และล่าสุด หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่2กุมภาพันธ์2559 ได้ลงบทสัมภาษณ์ของผู้ว่า สตง.พาดพิงถึงงานของ สสส. อีกครั้ง ว่า “การรณรงค์ที่ผ่านมาเหมือนเป็นเพียงอากาศ  ผลที่บอกว่าจะไปถึงส่วนรวมนั้นอ้อมมาก อ้อมจนบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราได้ประโยชน์อะไร”ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ที่ขาดข้อมูลหลักฐาน เป็นการแสดงความรู้สึกที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง ที่ทางเครือข่ายซึ่งเป็นผู้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก สสส.ไปทำงานต่อกับพี่น้องประชาชน  รับไม่ได้  เพราะในรูปธรรมแค่เรื่องงดเหล้าอย่างเดียว ในช่วงเข้าพรรษาปี 2558 มีงานวิจัยชี้ชัดว่าสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณ สสส. หลาย เท่าตัว ยังไม่นับรวมเรื่องบุหรี่และสุขภาวะอื่นๆ และเครือข่ายเห็นว่าผู้ว่า สตง. ท่านนี้มีอคติต่องานสร้างเสริมสุขภาพประชาชน ส่งผลให้เครือข่ายได้รับความอยุติธรรมอย่างน่าเสียใจยิ่ง   ทำให้มั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับสสส.และส่งผลกระทบกับขบวนภาคประชาชนที่ผ่านมา มีจุดเริ่มจากทัศนคติที่เป็นอันตรายของผู้ว่า สตง.   และชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพบว่า มีหนังสือจาก สตง.แจ้งให้กรมสรรพากรรีดภาษีจากโครงการที่รับทุนสนับสนุนจาก สสส.ย้อนหลังไปถึง5ปี ซึ่งนับเป็นความพยายามอย่างยิ่งยวดในการมุ่งหวังตัดตอน บอนไซและทำลายการตื่นตัวและความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม     

“ขสช.จึงขอประณามพฤติกรรมของผู้ว่า สตง. ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์  มีอคติ  และไม่ยุติธรรมกับ สสส.และภาคีเครือข่าย โดยขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และโปรดพิจารณาตัวเองว่าได้ทำหน้าที่ถูกต้องเที่ยงธรรมแล้วหรือไม่ และขอเรียกร้องประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน  และประชาคม สตง.ร่วมกับตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ว่า สตง. อย่าให้ กว่า 100 ปี ของการตรวจเงินแผ่นดินต้องมัวหมองเพราะคนคนเดียว และสุดท้ายนี้เครือข่ายยังเชื่อมั่นในพลังของบุคลากร สตง. ที่มีคุณภาพและความตั้งใจดี อันจะทำให้องค์กร สตง.เป็นองค์กรที่ดีเป็นที่พึ่งที่หวังได้ของประชาชนสืบไปทั้งนี้เครือข่ายยืนยันจะเดินหน้าติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลผู้นี้ต่อไป ทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต” นายคำรณ  กล่าว