posttoday

แฮกเกอร์ถล่มเว็บศาลโต้คดีเกาะเต่า

14 มกราคม 2559

โฆษกศาลยุติธรรม เผยตรวจสอบพบแฮกเกอร์ถล่มเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เชื่อผลพวงการตัดสินคดีเกาะเต่า

โฆษกศาลยุติธรรม เผยตรวจสอบพบแฮกเกอร์ถล่มเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  เชื่อผลพวงการตัดสินคดีเกาะเต่า 

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.  นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่หน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม ถูกแฮกเกอร์บุกรุกจนไม่สามารถใช้งานได้ว่า จากการตรวจสอบการเชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลหน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรมนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 12ม.ค.ที่ผ่านมา

โดยครั้งแรกที่ตรวจสอบพบว่า หน้าเว็บเพจหน้าแรกของสำนักงานศาลยุติธรรม กลายเป็นบนพื้นสีดำ และมีรูปสัญลักษณ์คล้ายหน้ากากสีขาว พร้อมข้อความภาษาอังกฤษ เขียนว่า “ BLINK HACKER GROUP” และ “ Failed Law We Want Justice ! # Boycott Thailand ” และจากการสืบค้นพบว่า “ BLINK HACKER GROUP ” เชื่อมโยงกลุ่มที่ใช้ชื่อ Anonymous Myanmar Hacker ซึ่งเหตุดังกล่าวจนถึงวันนี้ (13 ม.ค.) หน้าเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็เป็นเพียงการที่บุคคลภายนอกไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น แต่ระบบปฏิบัติงานภายในระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความเสียหายใดๆ โดยระหว่างนี้เรายังเฝ้าระวังตรวจสอบหาช่องโหว่ที่จะป้องกันการบุกรุกทางคอมพิวเตอร์ต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขให้มีการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารภายในได้

นายสืบพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดนั้น ในส่วนของระบบโครงการข่ายคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เกิดเหตุสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งเป็นองค์กรมหาชน โดยศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย(ไทยเซิร์ต)ให้ตรวจสอบหาการบุกรุกและช่องโหว่ระบบเครือข่าย ขณะที่การตรวจสอบรายละเอียด IP ADDRESS พบว่ามีประมาณ 10 IP ADDRESSของผู้ที่เข้ามาบุกรุกระบบโครงข่ายหน้าเว็บไวต์ซึ่งอยู่ในต่างประเทศแต่ยังไม่ขอระบุรายละเอียดในส่วนนี้

นายสืบพงษ์  กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว ที่ทำให้หน้าเว็บแรกของสำนักงานศาลยุติธรรมเสียหายครั้งนี้ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษตาม มาตรา 10 ฐานรบกวน ขัดขวาง ระบบคอมพิวเตอร์ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา12ผู้ใดกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการใก้บริการสาธารณะหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ระวางโทษตั้งแต่ 3 - 15 ปี และปรับ 60,000-300,000 บาท

โดยสำนักงานศาลยุติธรรม จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไปภายใต้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลักษณะข้อความของผู้บุกรุกทางคอมพิวเตอร์ที่ได้เขียนไว้ในหน้าเว็บเพจของสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น ทำให้เห็นได้ว่าอาจเชื่อมโยงการพิพากษาคดีเกาะเต่า ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรม ขอเรียนว่า การกระทำที่เกิดขึ้นของผู้บุกรุกทางคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการพิจารณา และคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีเกาะเต่าได้ที่ศาลได้ดำเนินการตามบทบัญญัติกฎหมาย แต่ทางคดี คู่ความสามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์-ฎีกาได้ตามกฎหมายต่อไป