ศาลฎีกายกฟ้อง 5 ตำรวจ คดีอุ้มทนายสมชายปี47

ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง คดีอุ้ม "ทนายสมชาย นีละไพจิตร"  ปี 2547 ชี้หลักฐานไม่ชัดเจน

ศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่ พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง  พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อดีต สว.กอ.รมน. ช่วยราชการกองปราบปราม พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อดีตพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 กองปราบปราม จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อดีตผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กองกำกับการ 2 ตำรวจท่องเที่ยว จ.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการกองกำกับการ 4 กองปราบปราม และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อดีตรองผกก.3 กองปราบปราม (ยศในขณะนั้น) ในฐานความผิดร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดและร่วมกันข่มขื่นใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย จากกรณีการอุ้มหายตัวไปของนายสมชาย  นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาในเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภายใต้ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547

โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก พ.ต.ต.เงิน เป็นเวลา 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 – 5 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 คน แต่ทางครอบครัวของนายสมชายได้ยื่นฎีกาต่อ ส่วน พ.ต.ต.เงิน ทองสุข จำเลยที่ 1 พลัดตกน้ำ เป็นบุคคลหายสาบสูญในเหตุการณ์เขื่อนแควน้อย จ.พิษณุโลก ถล่ม เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2551 โดยไม่มีใครพบศพ คงเหลือจำเลย 4 คน

ล่าสุด ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หลักฐานข้อมูลและพิกัดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยทั้ง 5 คนในวันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการติดต่อกันถึง 75 ครั้ง ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าจำเลยทั้ง 5 คน สะกดรอยและเข้าไปอุ้มลักพาตัวนายสมชาย เพราะเอกสารดังกล่าว เป็นเพียงสำเนาเอกสารที่ไม่มีผู้รับรองความถูกต้องชัดเจน และไม่มีการนำตัวเจ้าหน้าที่ที่ทำเอกสารดังกล่าวขึ้นเบิกความต่อศาล จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าที่ไม่สมบูรณ์ตามกฏหมาย ประกอบกับพยานที่อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ มองเห็นเหตุการณ์จากระยะไกล และเกิดเหตุเพียง 5 วินาที ทำให้คำให้การขัดแย้งกัน และมีพิรุธแห่งความสงสัย ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 คน

ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย เปิดเผยว่า เสียใจและผิดหวังกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องรัฐบาล สตช.รับผิดชอบคดี และแก้กฎหมายคนสูญหาย