posttoday

บอร์ดใหม่ทีโอทีร้อน เร่งแก้คดี6.3หมื่นล.

13 กรกฎาคม 2553

บอร์ดทีโอทีประชุมนัดแรก เร่งเคลียร์ปัญหาฟ้องร้องกว่า 6 หมื่นล้าน หวั่นทำฐานการเงินคลอน นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัททีโอที เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดครั้งแรกหลังมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งประธานและกรรมการ ว่า บอร์ดจะเน้นแก้ปัญหาต่างๆ ของทีโอทีที่เป็นปัจจัยเสี่ยงขององค์กร โดยเฉพาะคดีฟ้องร้องที่ยังเป็นปัญหาอยู่กว่า 6.3 หมื่นล้านบาท เพราะหากทีโอทีแพ้คดีจะส่งผลกระทบต่อองค์กรอย่างแน่นอน

บอร์ดทีโอทีประชุมนัดแรก เร่งเคลียร์ปัญหาฟ้องร้องกว่า 6 หมื่นล้าน หวั่นทำฐานการเงินคลอน

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัททีโอที เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดครั้งแรกหลังมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งประธานและกรรมการ ว่า บอร์ดจะเน้นแก้ปัญหาต่างๆ ของทีโอทีที่เป็นปัจจัยเสี่ยงขององค์กร โดยเฉพาะคดีฟ้องร้องที่ยังเป็นปัญหาอยู่กว่า 6.3 หมื่นล้านบาท เพราะหากทีโอทีแพ้คดีจะส่งผลกระทบต่อองค์กรอย่างแน่นอน

ปัจจุบัน ทีโอทีมีมูลค่าการฟ้องร้องที่มีสิทธิแพ้คดีรวม 6.3 หมื่นล้านบาท คือคดีที่ทีโอทีต้องจ่ายค่าเชื่อมต่อเลขหมาย หรือค่าแอกเซสชาร์จ (เอซี) ให้กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค 1.4 หมื่นล้านบาท บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น อีก 1.5 หมื่นล้านบาท และบริษัททีทีแอนด์ที อีก 2.37 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ทีโอทีต้องชำระเงินค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 2,553 ล้านบาท ให้แก่บริษัท ทีทีแอนด์ที กรณีผิดสัญญาเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าบริการตามสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายโทรศัพท์ในเขตภูมิภาค

“การเข้ามาของบอร์ดชุดนี้ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก โดยเฉพาะการจัดการกับคดีที่ยังค้างคาอยู่ให้จบ แต่จะพยายามทำให้ทีโอทีมีศักยภาพ จริงจังในการแข่งขันเสียที”

นอกจากจัดการกับปัญหาเก่าแล้ว ยังจะศึกษาโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้ เช่น การพิจารณาโครงการขยายโครงข่าย 3จีทั่วประเทศ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท ว่าควรเป็น 3จี เหมือนเดิม หรือให้ก้าวหน้ากว่านี้ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เข้ากับแนวโน้มทั่วโลกที่ขณะนี้เน้นการลงทุนเทคโนโลยีที่มากกว่า 3 จี แล้ว

ทั้งนี้ ได้ให้ฝ่ายบริหารสรุปแผนธุรกิจทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ โครงการเทคโนโลยียุคหน้า (เอ็นจีเอ็น) โครงการขยายโครงข่ายเพื่อรองรับการใช้งานมัลติมีเดีย (เอ็มแซน) โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ให้บอร์ดรับทราบอีกครั้งในวันที่ 23 ก.ค. รวมทั้งเตรียมแผนรองรับในอนาคตหากต้องแปรสัญญาสัมปทานอีกด้วยซึ่งต้องรอดูนโยบายจากทางกระทรวงการคลังว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ แต่การเตรียมพร้อมเพื่อให้ทีโอทีสามารถแข่งขันได้ให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมาก