posttoday

รัฐเมินขึ้นแวตอุดรัฐสวัสดิการ

13 กรกฎาคม 2553

นายกรัฐมนตรียันยังไม่ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจนถึงปีหน้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลยังไม่มีการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) อีก 1% ไปจนถึงปี 2554 เพราะอยู่ในช่วงประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งต้องดูทิศทางการปรับโครงสร้างภาษีทั้งหมดก่อน แม้ภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ปรับมาถึง 11 ปีแล้วก็ตาม

นายกรัฐมนตรียันยังไม่ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจนถึงปีหน้า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลยังไม่มีการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) อีก 1% ไปจนถึงปี 2554 เพราะอยู่ในช่วงประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งต้องดูทิศทางการปรับโครงสร้างภาษีทั้งหมดก่อน แม้ภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ปรับมาถึง 11 ปีแล้วก็ตาม

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หลังรัฐบาลออกมาเน้นนโยบายรัฐสวัสดิการ เพราะจะช่วยฐานะการคลัง แต่จะทยอยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่นั้น ขึ้นกับดุลพินิจของ รมว.คลัง ที่จะต้องดูเรื่องความสมดุลรายรับและรายจ่าย

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้สรุปการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบสิ้นปี 2553 และคงไม่มีการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10%

น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ พบว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยถือว่าต่ำมาก ควรจะมีการปรับ แต่เป็นเมื่อไหร่ขึ้นกับความเหมาะสม

“เวิลด์แบงก์เสนอว่าจะนำรายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือคนด้อยโอกาส ซึ่งอาจจะทำให้แวตกลับไปที่ 10% ได้” น.ส.จุฬารัตน์ กล่าวทั้งนี้ หลายประเทศจะจัดเก็บที่ 10% อาทิ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ขณะที่อินโดนีเซียจัดเก็บ 3 อัตรา คือ 5% , 10% และ 20% ส่วนเยอรมัน 16% และจีน 17%

นอกจากนั้น สศค.ยังขอให้เวิลด์แบงก์หาทางเลือกในการเพิ่มราย โดยเน้นภาษีทางอ้อม อาทิ ภาษีสรรพสามิต ภาษีที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษีที่เก็บจากฐาน รายได้อย่างเดียว