posttoday

เตรียมเผางาช้างของกลางล็อตใหญ่กว่า 2 ตัน

20 สิงหาคม 2558

เตรียมเผางาช้างของกลางล็อตใหญ่กว่า 2 ตัน จัดพิธีทางศาสนาก่อนบดละเอียดเป็นผุยผง ทำลายพร้อมกากอุตสาหกรรม

เตรียมเผางาช้างของกลางล็อตใหญ่กว่า 2 ตัน จัดพิธีทางศาสนาก่อนบดละเอียดเป็นผุยผง ทำลายพร้อมกากอุตสาหกรรม 

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผู้อำนวยการ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้เตรียมเผางาช้างของกลาง ที่ดำเนินคดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้ว จำนวน 2,155 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ได้นำคณะกรรมการตรวจสอบงาช้างของกลาง ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนกรมอุทยานฯ กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นต้น ตรวจสอบความถูกต้อง มีทั้งงาช้างท่อน ส่วนใหญ่เป็นงาช้างแอฟริกาอยู่ในสภาพสวยงาม สมบูรณ์ และมีความยาวตั้งแต่ 1-3 ม. จำนวนกว่า 100 สมบูรณ์ และลักษณะเป็นท่อนกว่า 200 ท่อน   และผลิตภัณฑ์งาช้าง ที่ดำเนินคดีมาตั้งแต่ปี 2535 เพื่อนำไปบดและเผาทำลายเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในวันที่ 26 ส.ค.นี้

นอกจากนี้ยังตรวจสอบงาช้างอีกจำนวน 540.67 กก. เพื่อส่งมอบให้หน่อยงานราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา ทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการนำตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 2 ตู้ ซึ่งตู้หนึ่งเป็นของกรมอุทยานฯ ส่วนอีกตู้เป็นของกรมศุลกากร โดยจะนำงาช้างที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเข้าไปเก็บรักษาก่อนเข้าสู่กระบวนการบดและเผาทำลาย  โดยจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 8 คน ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 26 ส.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานในการบดทำลายงาช้างที่บริเวณลานหน้าเสาธง กรมอุทยานฯ จำนวน 2,155 กก. มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท  โดยขั้นตอนของการบดทำลายงาช้างคณะทำงานตรวจสอบงาช้างของกลาง จะเปิดตู้คอนเทนเนอร์จากนั้นจะลำเลียงของกลางไปยังลานพิธี จากนั้นจะมีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดส่งวิญญาณ เนื่องจากคนไทยมีความเชื่อว่างาช้างเป็นของสูง และจะมีพิธีพราหมณ์เพื่อทำการบอกกล่าวเทวดาฟ้าดิน  เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาจะมีการบดทำลายโดยใช้เครื่องบดย่อยหินซึ่งสามารถบดย่อยได้ขนาดเล็กสุด 7-10 มล. คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจะดำเนินการบดงาช้างทั้งหมดแล้วเสร็จ 

นอกจากนั้น จะนำงาช้างที่ผ่านการบดแล้วบรรจุลงถังขนาด 200 ลิตร หรือถุงบิ๊กแบ๊ก ก่อนลำเลียงผงงาช้างขึ้นรถบรรทุกที่มีระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีระบบติดตามการเคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม  (จีพีเอส) ได้  จากนั้นจะนำไปเผาที่บริษัทอัคคีปราการ ซึ่งเป็นโรงงานกำจัดกากสารเคมีและวัตถุอันตรายจากอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ โดยใช้ความร้อนสูงประมาณ 1,100 องศาเซลเซียส ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอารักขาจนกว่าจะเดินทางไปถึงโรงงาน  ในระหว่างการเผาจะมี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจอห์น อี สแกนนอน เลขาธิการคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) และสื่อมวลชนกว่า 100 คนมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ทั้งนี้กากที่เหลือจากการเผาจะถูกปะปนกับขยะอุตสาหกรรมอื่นจนไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกก่อนนำไปฝังกลบต่อไป

นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า สำหรับงาช้างจำนวน 540.67 กก. จะมอบให้กับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาลัยมหิดล กองบิน 4 ตาคลี กองทัพอากาศ จ.นครสวรรค์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมศุลกากร และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)  นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เตรียมการเผาหลังจากการดำเนินคดีเสร็จสิ้นจำนวน 1.5 หมื่นกิโลกรัมหรือ 15 ตัน  

"การเผางาช้างครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการต่อต้านและแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้ประเทศภาคีสมาชิกไซเตส 180  ประเทศรับทราบว่าประเทศไทยมีความจริงจัง จริงใจ มุ่งมั่นในการอนุรักษ์และต่อต้านการลักลอบล่าและค้างาช้างอย่างผิดกฎหมาย จากนั้นไทยจะทำรายงานผลการดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมาย การขึ้นทะเบียนงาช้าง  การเผาทำลาย เป็นต้น ส่งไปยังสำนักงานเลขาฯ ไซเตส ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ถูกคว่ำบาตรทางการค้าพืชและสัตว์ตามกฎหมายไซเตสอย่างแน่นอน" นางเตือนใจ กล่าว

ภาพจาก กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช