posttoday

เมียเผย"เสี่ยสมยศ"เคยเครียดเรื่องทวงเงิน

30 มิถุนายน 2558

"เมีย-ลูก" รับศพ "เสี่ยสมยศ" เปรยก่อนตายเคยเครียดเรื่องทวงเงิน เคยเตือนให้ระวังตัวแล้ว

"เมีย-ลูก" รับศพ "เสี่ยสมยศ" เปรยก่อนตายเคยเครียดเรื่องทวงเงิน เคยเตือนให้ระวังตัวแล้ว

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่โรงพยาบาลตำรวจ นางรัศมี และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร ภรรยาและลูกสาว พร้อมญาติ เดินทางมารับศพ นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของสถานบันเทิงพระรามเก้าคาเฟ่ และอดีตนายกผู้ประกอบการสถานบันเทิงแห่งประเทศไทย หลังถูก 2 คนร้าย ให้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต ขณะเดินออกจากร้านอาหารย่านพัฒนาการ ซอย 6

นางรัศมี เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน ก่อนหน้านี้สามีเคยเล่าถึงความขัดแย้งทางธุรกิจให้ฟังอยู่บ้าง โดยเฉพาะการถูกโกงเงิน ที่ผ่านมาสามีได้มีการติดต่อทวงถามแต่ก็ไม่ได้เงินคืน และทางความครอบครัวก็ได้เตือนให้ระวังตัว เกรงว่าอาจเกิดเหตุร้ายไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ ก่อนที่นายสมยศ จะเสียชีวิตได้เดินทางตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลรามคำแหง และไปรับประทานอาหารกับตนเองสองคนโดยไม่มีการนัดใครไปพูดคุย เท่าที่ทราบว่าทางฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบทั้งหมด เนื่องจากกล้องวงจรปิดจากทางร้านเป็นมุมที่เห็นไม่ชัดเจน พร้อมสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และลูกชายเจ้าของที่เกิดเหตุ ส่วนศพของนายสมยศทางครอบครัวจะนำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดเทพลีลา ศาลา 2 ของเย็นวันนี้

วันเดียวกัน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. ได้นำตัวนางศุภนิดา นรรัตน์ อายุ 48 ปี หรือ ก้อย คนสนิทของสมยศและเป็นผู้ประสานงานด้านคดีระหว่างนายสมยศ และลูกความมาทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง

พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้วางแนวทางการสืบสวนได้บีบประเด็นให้แคบลงเหลือเพียง2ประเด็น คือประเด็นติดหนี้พนันไพ่ ประมาณ 4ล้านบาท และประเด็นวิ่งเต้นคดีจำนวน 25ล้านบาท ส่วนประเด็นความขัดแย้งเรื่องการซื้อ-ขายโฉนดที่ดินของพระราม9คาเฟ่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยก่อนหน้านี้ได้นัดนางรัศมี ภรรยา มาสอบปากคำ แต่เนื่องจากนางรัศมีต้องจัดการเรื่องงานศพ จึงเกรงว่าวันนี้จะไม่สามารถเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนได้ อย่างไรก็ตามจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีความคืบหน้าด้านคดีไปมากพอสมควรแล้ว โดยจากการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทำให้สามารถสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้ายได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ

ด้านนางศุภนิดาให้การว่า รู้จักกับนายสมยศมานานกว่า 20ปี มีความสนิทสนมกัน ไปมาหาสู่กันเสมอ โดย นายสมยศเปิดบริษัทเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย จากนั้นนายสมยศได้รับงานเคลียร์คดีมางานหนึ่ง จากนั้นได้นำเงินจากลูกความที่รับเคลียร์คดีมาให้ตนเพื่อให้เป็นตัวแทนไปจัดการต่ออีกทอดหนึ่ง โดยครั้งแรก นายสมยศให้เงินตนจำนวน 1 ล้าน แต่ตนกลับนำเงินดังกล่าวไปให้นายเล็กสามีนำไปเล่นการพนัน ซึ่ง นายสมยศ ก็ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จากนั้น นายสมยศก็ได้จ่ายเงินอีกก้อนหนึ่ง จำนวน 10 ล้านบาท รวมจำนวนเงินที่หลอกมาจากนายสมยศกว่า 11 ล้านบาท โดยที่ไม่เคยนำเงินไปจัดการเรื่องคดีตามที่ตกลงกันไว้เลย

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตนคบกับนายเล็กฉันท์สามี ภรรยา แต่ตนก็เคารพนับถือนายสมยศมากกว่า หลังจากนั้นนายเล็กได้วางแผนให้ตนชักชวนนายสมยศไปเล่นการพนันที่บ้านพรรคพวกย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยนัดแนะกันว่าจะเป็นการรุมกินโต๊ะนายสมยศ นายสมยศ ก็ได้ไปเล่นตามที่นัดแนะกันไว้ จน นายสมยศ เสียพนันไปกว่า 3ล้านบาท จากนั้นภายหลังจึงได้มาสารภาพกับนายสมยศว่าเงินทั้งหมดที่ได้มาตนไม่เคยนำไปเดินเรื่องด้านคดีให้เลย พร้อมสารภาพว่าที่ชักชวนไปเล่นการพนันนั้นก็เป็นการรวมหัวกันโกงนายสมยศ เป็นเหตุให้นายสมยศโมโห จึงเริ่มทวงเงินที่ นายสมยศ เสียให้พวกตนทั้งเรื่องวิ่งเต้นคดีและเรื่องเสียพนัน โดยสั่งให้ตนไปทวงหนี้กับนายเล็ก เบ็ดเสร็จรวม 28ล้าน ซึ่งนายเล็กปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหนี้จำนวนมากขนาดนั้น เมื่อนายเล็กปฏิเสธจะให้เงิน นายสมยศจึงติดต่อเสธ.คนหนึ่งไปทวงเงินกับนายเล็ก

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เสธ.รายนี้ได้นัดกับนายเล็กให้ออกมาเจอเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้ แต่นายเล็กไม่ได้ไป กระทั่งประมาณวันที่ 26-27 มิ.ย. นายสมยศมาบอกตนว่าจะให้เสธ.ไปอุ้มเล็ก หากไม่ยอมคืนเงิน จนระยะหลังตนและนายเล็กไม่ได้เจอกันอีกเลย จึงไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างตนทราบเพียงว่านายเล็กพักอาศัยอยู่ที่ฟลอร่า วิลล์ ย่านสุวินทวงศ์ โดยก่อนหน้านี้ตนได้ไปซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลงที่จ.ชุมพร เพื่อปลูกสร้างบ้าน แต่หลังจากนายสมยศทวงหนี้จากพวกตนไม่ได้ จึงให้ตนนำที่ดินดังกล่าวมาให้แทนเงิน แต่ตนกับนายเล็กยังไม่เซ็นโอนที่ดินให้ จนกระทั่งเกิดเรื่องดังกล่าว

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ชุดคลี่คลายคดีของกองบังคับการปราบปรามได้สนธิกำลังร่วมกับสืบสวนสน.คลองตันในการลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ และบริเวณถ.พัฒนาการทั้งเส้น เพื่อตรวจสอบหาเส้นทางหลบหนี โดยในเบื้องต้นได้ประสานของภาพจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครมาทำการตรวจสอบ ซึ่งตั้งสมมุติฐานเวลาตั้งแต่คนร้ายขี่จักรยานยนต์มาดูลาดเลา จนถึงช่วงเวลาเกิดเหตุ ตามคำให้การของพยานแวดล้อมที่ให้การว่าเห็นมือปืนมานั่งรอผู้ตายที่ลานจอดรถดังกล่าวตั้งแต่เวลา 14.00 น. 

อย่างไรก็ตามในส่วนของพยานแวดล้อมรายหนึ่งในการว่า คนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 175 ซม. มาดักรอที่ลานจอดรถของร้านเกิดเหตุ โดยอ้างว่ามารอนาย  ทั้งนี้ในส่วนของเส้นทางหลบหนีเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะใช้เส้นทางถ.พัฒนาการขาออก มุ่งหน้าถ.ศรีนครินทร์ หรือไม่ก็อาจจะกลับรถมุ่งหน้าถ.เพชรบุรี  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ เปิดเผยภายหลังสอบสวนว่า  ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปสาเหตุปมสังหารในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทิ้งน้ำหนักในเรื่องหนี้พนันจำนวน 4ล้านบาท ซึ่งนายสมยศถูกโกง ,เรื่องเงินว่าจ้างวิ่งเต้นคดีที่นายสมยศยังติดพันอยู่ 25ล้านบาท และเรื่องฟ้องร้องที่ดินที่พระราม9 คาเฟ่ ย่านพระราม 9 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแบ่งประเด็นเพื่อแยกกันสอบสวน และสอบปากคำกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเพื่อให้รูปคดีชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เชิญนางรัศมี ภรรยาของนายสมยศมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาประเด็นที่ตรงกับคำให้การของพยานทั้งหมด ก่อนจะออกติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนภาพสเก็ตช์คนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2คนนั้น ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย โดยจะให้พยานที่เห็นเหตุการณ์เป็นผู้ยืนยันตัวผู้ก่อเหตุ หากใช่ก็จะออกหมายจับตามภาพสเก็ตช์ทันที ซึ่งจะไปรับภาพสเก็ตช์จากกองทะเบียนประวัติอาชญากรรม (ทว.)ในวันที่ 1ก.ค. เวลา 09.00 น. ต่อไป