posttoday

ตร.เผยผลสอบ "บอย ปกรณ์" ไม่เอี่ยวคดียักยอกเงินสจล.

05 มกราคม 2558

ตำรวจเผยผลสอบ "บอย ปกรณ์" ไม่เกี่ยวข้องคดียักยอกเงิน สจล. ชี้เป็นการซื้อขายรถตามปกติ เผยอาจเรียกสอบ "พิงกี้"

ตำรวจเผยผลสอบ "บอย ปกรณ์" ไม่เกี่ยวข้องคดียักยอกเงิน สจล. ชี้เป็นการซื้อขายรถตามปกติ เผยอาจเรียกสอบ "พิงกี้"

พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวว่า กรณี นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือ บอย-ปกรณ์ พระเอกหนุ่มชื่อดัง ที่เป็นผู้ซื้อรถยนต์หรูยี่ห้อลัมโบกินี จากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด หนึ่งในผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นั้น นายปกรณ์ได้เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน และจากการตรวจสอบเอกสารการซื้อขายรถยนต์ดังกล่าว ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งเอกสารแสดงการซื้อขายอย่างถูกต้อง รวมทั้งมีการชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับที่มาที่ไปของเงินที่นำมาซื้อรถยนต์คันดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าเป็นการซื้อขายกันตามปกติ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีและการยักยอกเงินจาก สจล.

อง ผบก.ป. กล่าวอีกว่า ในส่วนของ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิงกี้ นางเอกสาวชื่อดัง ที่พบว่ามีชื่อเป็นหุ้นส่วน 1 ใน 7 บริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบรายละเอียด ว่า น.ส.สาวิกา มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีด้วยหรือไม่ โดยคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกระยะหนึ่ง โดยเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเพียงหุ้นส่วนทางธุรกิจเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และดึงดูดลูกค้าให้กับธุรกิจของนายกิตติศักดิ์ เท่านั้น แต่จะเรียก น.ส.สาวิกา เข้าให้ปากคำหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน

ขณะที่ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ  เปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ได้เรียกนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. พร้อมด้วย นายสรรพทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี มาสอบปากคำในฐานะพยาน เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารงานของสถาบันเทคโนโลยีแห่งนี้ รวมทั้งขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อจะมีการเซ็นชื่อเบิกถอนเงินคงคลังของสถาบันฯ ออกมา โดยผู้บริหารจะต้องเป็นผู้ลงนาม และรับทราบการรายงานผลการตรวจสอบจากฝ่ายการคลัง โดยหลังจากนี้จะมีการประสานขอหนังสือแสดงรายการธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาตรวจสอบการเบิกถอนเงินของสถาบันดังกล่าว

พ.ต.ท.พงษ์ไสว เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดตรวจสอบข้อมูล และไฟล์งานต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดไว้ เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะระเบียบข้อบังคับการบริหารเงินและทรัพย์สินของ สจล.ในระหว่างปี 2555-2557 ที่พบว่าเงินกองกลางได้สูญหายไป ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญทางคดี เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับระเบียบ หลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินการของ สจล.ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีอยู่อีก 4 ราย นั้น ได้ประสานฝ่ายสืบสวนในการเร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว

สำหรับ รศ.ดร.กิตติ ตีรเศรษฐ อดีตอธิการบดี สจล.และ ผศ.สมศักดิ์ คูหาสวรรค์เวช อดีตผู้ช่วยอธิการบดีที่ดำรงตำแหน่งสมัยเดียวกันเมื่อปี 2555 นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะประสานเพื่อเชิญตัวมาให้ปากคำในภายหลัง แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะนัดหมายให้เข้าพบในวัน เวลาใด