ส่งตัว"พงศ์พัฒน์"เข้าเรือนจำ-สีหน้าอิดโรย
ตำรวจส่งตัว อดีต ผบช.ก. เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ด้วยสภาพอิดโรย
ตำรวจส่งตัว อดีต ผบช.ก. เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ด้วยสภาพอิดโรย
วันที่ 29 พ.ย. พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ควบคุมตัวพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 / เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์, จูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ผิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาส่งคืนศาลอาญา รัชดาฯตามขั้นตอน หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น เพื่อส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครหลังจากเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้คุมตัวพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ มาขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกและขอตัวพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ กลับไปสอบปากคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุในคำร้อง สรุปว่า ตามคำร้องฝากขังผู้ต้องหานี้ หมายเลขดำ พ.2623/2557 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2557 ซึ่งศาลอาญา อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหานี้ รวมทั้งอนุญาตให้รับตัวผู้ต้องหากลับไปควบคุมไว้เพื่อ สอบสวนหาทรัพย์สินที่ได้จาการกระทำผิดเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. - 5 ธ.ค. นี้ บัดนี้พนักงานสอบสวน หมดความจำเป็นที่จะควบคุมตัวนี้ไว้อีก จึงขอส่งตัวผู้ต้องหาคืนต่อศาล ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงรับตัวผู้ต้องหาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ โดยรถตู้ของสำนักงานแห่งชาติ ขณะที่พลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีส้ม กางเกงขาสั้นสีดำ สวมรองเท้าแตะหูหนีบ อยู่ในสภาพใบหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
หน้าแข้งขวาติดผ้ากรอสไว้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ขึ้นรถตู้เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กรมราชทัณฑ์ เดินทางไปยังเรือนพิเศษกรุงเทพฯ ทันทีโดยมีรถยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำหน้า และปิดท้ายรถตู้
พันตำรวจเอกเอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการกองอารักขา และควบคุมฝูงชน กล่าวว่า หลังสอบสวนพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ เสร็จสิ้น ได้นำตัวมาส่งคืนให้ศาลเพื่อออกหมายขัง และส่งไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งวันที่ 4 ธันวาคมนี้จะครบกำหนด และต้องนำตัวมาฝากขังผลัดที่ 2 ท้ายคำร้องฝากขังพนักงานสอบสวนยังได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง เกรงว่าจะใช้อิทธิพลไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ส่วนสภาพที่อิดโรย และมีบาดแผลที่ขา เนื่องจากอายุมากและมีอาการป่วย