posttoday

ร้องศาลปค.เบรกท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่

26 กันยายน 2557

สมาคมโลกร้อน-ชุมชนฟ้องศาลปกครองเบรกโครงการท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่

สมาคมโลกร้อน-ชุมชนฟ้องศาลปกครองเบรกโครงการท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่
 
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2557 สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนพร้อมด้วยตัวแทนชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่ได้เข้ายื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่อศาลปกครอง  เรียกร้องความเป็นธรรมตามสิทธิเสรีภาพที่กำหนดไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ในการปกป้องกระบี่จากถ่านหิน
 
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ธ.ค. 2556  กฟผ.ได้ว่าจ้างบริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์  ให้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ขณะเดียวกัน บริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ ยังได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ (EHIA) โดยจัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) (ค.1) ในเดือน มี.ค. 2557 ที่ผ่านมา
 
สำหรับ การยื่นฟ้องคดีต่อปกครองครั้งนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วนั้นได้ระบุเส้นทางเดินเรือขนส่งถ่านหินและเรือบรรทุกถ่านหินขนาด 3,000 เดทเวทตันในการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมค.1 แต่ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงขนาดเรือบรรทุกถ่านหินเป็นขนาด 10,000 เดทเวทตันและบรรจุในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ได้นำออกเผยแพร่เพื่อดำเนินการจัดเวทีการประชุมครั้งที่ 3 (ค.3) ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2557 นี้ โดยมิได้มีการจัดประชุม ค. 1 ใหม่เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการให้กับชุมชนรับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญอันยิ่งยวด ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย 
 
น.ส.จริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ประชาชนใช้สิทธิฟ้องร้องตามกฎหมายเพื่อเรียกร้องความชอบธรรม เนื่องจาก กฟผ.ไร้ธรรมาภิบาลในการดำเนินกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการท่าเทียบเรือถ่านหิน และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ มีการปกปิดข้อมูลความจริงตั้งแต่การจัดทำเวที ค.1 และต่อมากลับปรากฏเขียนในรายงานค.3 แตกต่างจากเดิมในสาระสำคัญที่มีในค.1 ทำให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถเสนอขอบเขตการศึกษาผลกระทบได้ครอบคลุมทั้งหมดตั้งแต่การจัดประชุมค.1 การตั้งกรอบและโจทย์การศึกษาผิดตั้งแต่ต้นย่อมทำให้คำตอบที่ได้ไม่อยู่บนฐานของความเป็นจริง การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ต่ำกว่าความเป็นจริงและขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯตั้งแต่การจัดทำค.1 เป็นเจตนาของกฟผ.ที่ละเมิดสิทธิของชาวบ้านอย่างร้ายแรง