posttoday

ศาลแจงตัดสินคดีอัลรูไวลีตามสำนวน

03 เมษายน 2557

ศาลยุติธรรมแจงเหตุเปลี่ยนองค์คณะพิพากษาคดีอัลรูไวลียันตัดสินตามข้อเท็จจริงในสำนวน

ศาลยุติธรรมแจงเหตุเปลี่ยนองค์คณะพิพากษาคดีอัลรูไวลียันตัดสินตามข้อเท็จจริงในสำนวน

นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงว่า ตามที่นายสมศักดิ์ ผลส่ง อดีตองค์คณะผู้พิพากษาได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อกรณีคดีนายอัลรูไวลีที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557 ในทำนองที่ทำให้เคลือบแคลงสงสัยถึงกรณีการเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาคดีดังกล่าวว่าเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับผลของคดี 
สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนชี้แจงดังนี้

คดีนี้พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องมาตั้งแต่ปี 2553 ระหว่างการพิจารณามีการเปลี่ยนตัวองค์คณะผู้พิพากษามาแล้ว 4 ครั้ง การเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาครั้งสุดท้ายนี้เป็นครั้งที่ 5 การเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาแต่ละครั้งเป็นไป เนื่องจากมีการสับเปลี่ยนโยกย้ายผู้พิพากษาตามวาระ

การเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาในครั้งสุดท้ายนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีข้อสังเกตที่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2556 แล้ว โดยปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจในการพิจารณาสั่งปล่อยชั่วคราวจำเลย จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสดับตรับฟังข้อเท็จจริงตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 และรายงานผลการสดับตรับฟังข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ประธาน

ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556 คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้สรุปรายงานความเห็นเสนอต่อสำนักงานศาลยุติธรรมเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 ทำให้ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 69 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2556 และเป็นเหตุให้ต้องมีคำสั่งพักราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 74 ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2557 ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการ ในคดีดังกล่าว นายสมศักดิ์ ผลส่ง รับโอนสำนวนมาเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554 ในขณะที่คดีสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว นายสมศักดิ์เพิ่งเริ่มรับผิดชอบเฉพาะตั้งแต่ช่วงเริ่มสืบพยานจำเลยนัดแรกเป็นต้นมา

จากข้อเท็จจริงที่ชี้แจงข้างต้นจะเห็นได้ว่า การดำเนินการทางวินัยได้เริ่มต้นตั้งแต่ 21 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การดำเนินคดีนายอัลรูไวลียังไม่เสร็จการพิจารณา เพียงแต่ขั้นตอนของการสดับตรับฟังข้อเท็จจริงและการสอบสวนข้อเท็จจริงต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล สอบปากคำพยานและสรุปความเห็น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงสรุปความเห็นส่งสำนักงานศาลยุติธรรมตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2556 ก่อนที่องค์คณะผู้พิพากษาจะสืบพยานจำเลยเสร็จสิ้น เหตุที่มีคำสั่งพักราชการในเดือนมกราคม 2557 เนื่องจากต้องนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อให้ความเห็นชอบก่อน เมื่อ ก.ต. เห็นชอบแล้ว ศาลอาญาก็ดำเนินการเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาทันทีที่ทราบคำสั่ง ซึ่งในขณะนั้นคดีเพิ่งเสร็จการพิจารณาเพียงไม่กี่วันและองค์คณะผู้พิพากษายังไม่ได้ปรึกษาแนวทางการพิพากษาคดีกับผู้บริหารศาลอาญาแต่อย่างใด การเปลี่ยนแปลงองค์คณะผู้พิพากษาจึงเป็นผลจากการดำเนินการทางวินัยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลของคดีแต่อย่างใด

ในส่วนผลของคำพิพากษานั้น เป็นดุลพินิจขององค์คณะผู้พิพากษาผู้ตัดสินคดีที่จะชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวนเป็นหลัก องค์คณะผู้พิพากษาไม่มีอำนาจพิจารณาข้อเท็จจริงหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการกระทำความผิดในคดีและเป็นเรื่องนอกสำนวนได้ หากคู่ความไม่พอใจในผลคำพิพากษาย่อมต้องใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย โดยขณะนี้ คำพิพากษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว คู่ความสามารถขอคัดถ่ายเพื่อใช้ดำเนินการต่อไปได้แล้ว