posttoday

กรุงเทพฯครองแชมป์คดีข่มขืนมากสุด

20 มีนาคม 2557

เปิดสถิติความรุนแรงในรอบปี ชี้กรุงเทพฯครองแชมป์คดีข่มขืนมากสุด สลด!อายุน้อยสุดเป็นเด็กหญิงวัย 1ขวบ เกือบครึ่งผู้กระทำคือคนรู้จักคุ้นเคย

เปิดสถิติความรุนแรงในรอบปี ชี้กรุงเทพฯครองแชมป์คดีข่มขืนมากสุด สลด!อายุน้อยสุดเป็นเด็กหญิงวัย 1ขวบ เกือบครึ่งผู้กระทำคือคนรู้จักคุ้นเคย

วันที่ 20 มี.ค.57  ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ ในเวทีเสวนา“สถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ ปี2556” จัดโดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

นางสาวจรีย์   ศรีสวัสดิ์  ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยสถานการณ์ความรุนแรงทางเพศปี 2556 จากการรวบรวมสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี2556 จากหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด คมชัดลึก และมติชน พบว่า ข่าวการกระทำความรุนแรงทางเพศ มีทั้งหมด169 ข่าว ประเภทข่าวที่พบมากที่สุด คือ ข่าวข่มขืน51.5% รองลงมา ข่าวอนาจาร17.1% ข่าวพยายามข่มขืน13.6% ข่าวรุมโทรม7.1% ข่าวพรากผู้เยาว์2.4% นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ คือการค้าประเวณี3.6% ข่าวชายกระทำต่อเพศชาย 4.7% ในจำนวน169 ข่าวนี้ มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศทั้งสิ้น223 ราย เสียชีวิต29ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิตจากการถูกข่มขืนมากถึง 22 ราย หรือ75%

“ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางเพศ 37.7% มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองลงมา มีปัญหาการควบคุมยับยั้งอารมณ์ทางเพศ 24.5% ต้องการชิงทรัพย์ 20.8% สำหรับ ช่วงอายุผู้ที่ถูกกระทำ ได้แก่11-15 ปี 35.1% รองลงมา16-20 ปี 22%และ 26–30ปี10.1%ที่น่าตกใจ คือผู้ถูกกระทำที่อายุน้อยที่สุดเป็นเด็กหญิงวัยเพียง1ขวบ 9 เดือน ส่วนอายุผู้ถูกกระทำที่มากที่สุด คือ85 ปี ซึ่งถูกกระทำในกรณีข่าวข่มขืน สำหรับผู้กระทำที่อายุน้อยสุด อายุเพียง 10 ปีกระทำในข่าวรุมโทรม และผู้กระทำที่อายุมากที่สุด อายุ 85 ปีกระทำอนาจารเด็ก” นางสาวจรีย์  กล่าว

นางสาวจรีย์  กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำคือ 47.5% เป็นคนแปลกหน้ามากที่สุด รองลงมา 41.8% เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน 5.6%เป็นคนในครอบครัว/เครือญาติ และ5.1%เป็นคนที่รู้จักผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก สำหรับอาชีพผู้ถูกกระทำ พบว่า เป็นนักเรียน/นักศึกษามากที่สุด 59.2% รองลงมาเป็นกลุ่มเด็กเล็ก6.6% พนักงานบริษัท 5.4% ส่วนผู้กระทำมีอาชีพเป็นลูกจ้าง/รับจ้าง19.2% รองลงมาว่างงาน14.3% เป็นนักเรียน/นักศึกษา12.8% ครู/อาจารย์ 8.5% และขับรถตู้/รถแท็กซี่ 7.8% ทั้งนี้พื้นที่เกิดเหตุมากที่สุดยังเป็นกรุงเทพฯ 26.6%รองลงมา ชลบุรี 11.8 % สมุทรปราการ 8.3%นนทบุรี 5.9 % ปทุมธานี5.3%

“ความรุนแรงทางเพศดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งทางร่างกายจิตใจ 1ใน 3 มีอาการหวาดผวา ระแวง ซึมเศร้า รองลงมา คือ ผู้กระทำใช้อำนาจบังคับข่มขู่ละเมิดทางเพศ ทำให้ผู้ถูกกระทำขัดขืนต่อสู้จนถูกฆ่าเสียชีวิต หลายรายถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส และมีที่ไม่กล้าแจ้งความเอาผิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 กับ ปี 2554 พบว่า ปี 2556 มีจำนวนข่าวความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น (ปี 2554 มีจำนวน 158 ข่าว) โดยประเภทข่าวที่ครองแชมป์อันดับ1 ยังคงเป็นข่าวข่มขืน” นางสาวจรีย์   กล่าว

นางสาวสุเพ็ญศรี   พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ  มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  กล่าวว่า จากสถิติการให้บริการของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กมีแนวโน้มสูงขึ้น  ปี 2556 มีจำนวน 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย หรือทุกๆ15 นาทีมีผู้หญิงและเด็กถูกทำร้าย1คน ซึ่งผู้ที่กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ และจากการให้บริการคำปรึกษาของมูลนิธิฯ พบว่า มีผู้ขอรับบริการ 261 รายในจำนวนนี้ประสบปัญหา 385 กรณี โดยจะมีระบบบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและด้านสังคมสงเคราะห์

“ผู้กระทำเป็นคนมีความรู้มีการศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ควบคุมอารมณ์ แม้กฎหมายจะเปลี่ยนไปแต่ผู้กระทำก็ยังใช้อำนาจ เช่น ทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะจำยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะผู้กระทำเป็นเจ้าหนี้ หรือกรณีหญิง17ปีถูกเพื่อนในชั้นเรียนข่มขืนถ่ายคลิปข่มขู่  เด็ก7ขวบข่มขืนเด็ก7ขวบ  และกรณีหญิงถูกข่มขืนขณะตั้งครรภ์  หรืออดีตแฟนใช้อุบายหลอกข่มขืน อย่างไรก็ตามปัญหาที่พบคือ กระบวนการส่วนใหญ่ยังปกป้องผู้กระทำ หลายกรณีเอาผิดไม่ได้ คดีล่าช้า การให้ยอมความ ขณะเดียวกันศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCC ของบางหน่วยงานขาดการจัดระบบรองรับ  โดยเฉพาะการช่วยเหลือดำเนินคดีและกระบวนการส่งต่อที่ยังขาดความคล่องตัว แม้มีนโยบายประกาศชัดเจน แต่ยังขาดงบประมาณในการสนับสนุน และมีข้อจำกัด หรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางสถานีอ้างเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติให้รอไว้ก่อน” นางสาวสุเพ็ญศรี  กล่าว