ระบบนิเวศอ่าวพร้าวเริ่มฟื้นตัว

สำรวจธรรมชาติอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ฟื้นตัวดีขึ้น หลังเกิดวิกฤตคราบน้ำมัน แต่ยังต้องติดตามผลต่อเนื่องในระยะ 1 ปี

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า  ได้เฝ้าติดตามระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมบริเวณอ่าวพร้าวอย่างต่อเนื่องกว่า 6 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่ว พบว่า สารไฮโดรคาร์บอนที่สะสมอยู่ในทรายมีปริมาณลดลงตามลำดับ ปะการังฟื้นตัวจากภาวะฟอกขาวเฉียบพลัน ประชากรปูและสัตว์น้ำอื่นๆเริ่มเพิ่มขึ้น และไม่พบสารพิษที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์สะสมอยู่ในปลา สอดคล้องกับข้อมูลที่มีการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ

ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า สภาพแวดล้อมบริเวณอ่าวพร้าวยังไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตก จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะการแก้ปัญหาเรื่องผลกระทบคราบน้ำมันต้องเน้นการเฝ้าระวังและติดตามผลในระยะยาว รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันจากหลายด้านให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนของสังคม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับเฝ้าระวังติดตามความเปลี่ยนแปลงด้วยการเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมตามแผนที่วางไว้

“จากการสำรวจปะการังก้อนที่ฟอกขาวบริเวณอ่าวพร้าว ช่วงเดือนสิงหาคม 2556 มีปริมาณปะการังฟอกขาวประมาณ ร้อยละ 60 แต่อีกสองเดือนต่อมา ลดลงจนไม่เหลือปะการังฟอกขาวเลย ซึ่งก็ไม่ได้ไว้วางใจ เพราะการที่ปะการังไม่ฟอกขาวก็อาจอยู่ในภาวะผิดปกติหรือเป็นโรคอื่นๆได้ เพียงแต่ไม่แสดงอาการ” ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในระยะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมใดๆ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ ควรรอให้ธรรมชาติจัดการตัวเองให้ครบ 1 ปี และมีแนวทางที่ชัดเจนก่อน เพื่อให้การฟื้นฟูมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่มีการเก็บสถิติการสะสมของสารไฮโดรคาร์บอนในดินตะกอนเพื่อใช้เป็นมาตรฐานทั่วประเทศ จึงควรเก็บค่ามาตรฐานให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการควบคุมดูแลระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม