พิมพ์รอยยิ้มเป็นนิทานเพื่อน้อง

โดย...อนุสรา ทองอุไร

เด็กทุกคนล้วนมีความฝันและจินตนาการ ส่วนหนึ่งในการจะเสริมสร้างจินตนาการของเด็กน้อยก็คือ การเล่านิทานและหนังสือนิทาน โดยเฉพาะเด็กในวัย 26 ขวบ ซึ่งการเล่านิทานจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็กและจะช่วยให้รักการอ่านเมื่อโตขึ้น

ด้วยเห็นความสำคัญถึงเรื่องนี้ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) ที่เชื่อในเรื่องของการให้โอกาสและการสร้างอนาคตเพื่อเด็กของสังคม จึงเชิญชวนพี่ๆ สื่อมวลชนไปทำกิจกรรมเฉพาะกิจเพื่อเด็กผู้ด้อยโอกาสเพื่อน้องของมูลนิธิสร้างเสริมไทย

ล่าสุดทางบริษัทได้ชวนพี่ๆ สื่อจัดกิจกรรม “เอปสันพิมพ์รอยยิ้ม” (Epson Printing A Smile) โดยร่วมกับมูลนิธิเด็กและสื่อมวลชน รวมกันเฉพาะกิจ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ชักชวนกันทำหนังสือนิทานที่จะช่วยสร้างรอยยิ้มให้น้องๆ ให้กับโรงพยาบาลเด็ก “เริ่มจากให้พี่ๆ สื่อมวลชนเขียนหนังสือนิทานกันมาคนละเรื่อง ออกแรงเขียนและวาดรูปประกอบง่ายๆ มาเล็กน้อยตามสะดวก แล้วทางเอปสันก็มารับช่วงต่อพิมพ์เป็นรูปเล่มง่ายๆ แล้วจัดส่งไปให้น้องๆ เด็ก ที่โรงพยาบาลเด็กได้อ่าน ตอนไปส่งมอบก็มีพี่ๆ บางคนไปเล่าด้วยตนเองเป็นที่สนุกสนาน มีความสุขกันทั้งผู้ให้และผู้รับ” ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าว

เขาเล่าว่า นี่คือการรวมกันเฉพาะกิจใช้ชื่อโครงการว่า เอปสันพิมพ์รอยยิ้ม คือ กิจกรรมทำหนังสือเล่านิทาน ที่ช่วยสร้างและคืนรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ทั้งที่เป็นผู้ป่วยและผู้ด้อยโอกาส โดยบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรสื่อมวลชนสายต่างๆ ในการเขียนเรื่อง วาดภาพประกอบ และจัดพิมพ์รูปเล่ม ก่อนส่งมอบให้แก่มูลนิธิเด็ก เพื่อกระจายหนังสือนิทานดังกล่าวไปตามแผนกผู้ป่วยเด็กของโรงพยาบาลต่างๆ นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมเรียกรอยยิ้มในวันมอบหนังสือเล่านิทาน โดยในปีแรกนี้ทางบริษัทได้กำหนดแนวทางของนิทานให้อยู่ในหัวข้อ “คุณค่าของรอยยิ้มและมิตรภาพ” เพื่อให้เด็กๆ ได้ซึมซับเรื่องราวของคำว่าเพื่อน การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ การแบ่งปันความสุข และการช่วยเหลือพึ่งพากัน

“ความสุขที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ แน่นอนว่าจะต้องเริ่มต้นที่บ้าน แต่สำหรับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง เด็กกำพร้า และเด็กที่ถูกส่งมาจากครอบครัวที่ยากจนมากๆ บ้านคือสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตของพวกเขา ครอบครัวไม่ใช่สังคมที่สร้างรอยยิ้มให้กับพวกเขาได้ ทางเอปสันจึงกำหนดหัวข้อดังกล่าวขึ้น เพื่อสื่อให้น้องๆ รู้ว่า รอยยิ้มสามารถสร้างขึ้นได้ทุกที่และแบ่งปันกันได้ และเพื่อนที่อยู่รอบๆ ตัวก็เป็นครอบครัวที่ดีของเราได้” ยรรยง กล่าว

ชัชวาล จักษุวงค์ กองบรรณาธิการนิตยสาร GM200 กล่าวถึงโครงการนี้ว่า “ตอนเป็นเด็ก เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิทาน นอกจากจะช่วยเสริมจินตนาการเเล้ว ยังได้ความรู้และข้อคิดดีๆ ด้วย เนื้อหาบางอย่างก็จำมาใช้ถึงตอนโต โครงการนี้มีความน่าสนใจตรงที่นิทานที่เราเเต่งขึ้นจะถูกนำไปมอบให้กับน้องๆ ที่อยู่ในมูลนิธิเด็ก นี่ทำให้ผมอยากมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ และหัวข้อ ‘คุณค่าของรอยยิ้มและมิตรภาพ’ ก็เป็นหัวข้อที่ดี เหมาะกับเด็กๆ ในช่วงวัย 4-7 ขวบ ผมหวังว่าน้องๆ จะซึบซับสารดีๆ จากนิทาน และเก็บมาใช้ในชีวิตประจำวันได้”

ปาริชาติ บุญเอก กองบรรณาธิการนิตยสารมาร์เก็ต พลัส กล่าวว่า ปกติเด็กๆ จะได้อ่านแต่นิทานเรื่องเดิมๆ การที่มีนิทานเรื่องใหม่ๆ ที่แต่งโดยคนใหม่ๆ ขึ้นมา ก็จะเป็นการเพิ่มหนังสือนิทานดีๆ ให้แก่น้องๆ ช่วยสร้างเสริมจินตนาการ พร้อมสอดแทรกคุณธรรมให้แก่เด็กๆ ไปพร้อมกัน เด็กยุคนี้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี อาจทำให้พลาดสิ่งดีๆ ที่อยู่รอบตัวไปได้ อย่างนิทานที่ตนเองแต่ง เรื่อง เด็กชายปื๊ด ต้องการสื่อว่าของเล่นบางครั้งเล่นคนเดียวไม่สนุกเหมือนเล่นกับเพื่อน มิตรภาพระหว่างเพื่อนเป็นสิ่งที่สร้างความสุขได้มากกว่าสิ่งของ ตนหวังว่านิทานเรื่องนี้จะสร้างรอยยิ้มและให้ข้อคิดดีๆ แก่น้องๆ ได้

กิจกรรมนี้อาจไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่เรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในสังคมหันมาให้ความสำคัญของอนาคตของชาติมากยิ่งขึ้น แต่เป็นอีกความพยายามหนึ่งที่บอกสังคมให้รู้ว่า รอยยิ้มของเด็กๆ คือสิ่งที่เราปล่อยให้หายไปจากชีวิตของพวกเขาไม่ได้ และยิ่งสำคัญกว่านั้น หายไปจากสังคมไทยไม่ได้เด็ดขาด