posttoday

จี้ระงับเอ็มโอยูสพฐ.-ธรรมกายหวั่นไม่โปร่งใส

09 พฤษภาคม 2553

"สุลักษณ์ ศิวรักษ์" นำเครือข่ายปัญญาชนทำหนังสือต่อนายกฯให้ระงับลงนามโครงการอบรมยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเยาวชนระหว่าง สพฐ.-วัดธรรมกาย หวั่นไม่โปร่งใส

"สุลักษณ์ ศิวรักษ์" นำเครือข่ายปัญญาชนทำหนังสือต่อนายกฯให้ระงับลงนามโครงการอบรมยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเยาวชนระหว่าง สพฐ.-วัดธรรมกาย หวั่นไม่โปร่งใส

กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน ปัญญาชน 43 คนนำโดย นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ทำหนังสือลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ถึง นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) และ สมาคมพุทธศาสตร์สากล ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระมหามังคลาจารย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งวัดพระธรรมกาย

ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวอ้างว่าเพื่อยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเชิงบูรณาการโดยมีการแผนการให้ทุนการศึกษา จำนวนเงินกว่าหนึ่งพันล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะอบรมเยาวชนจำนวนถึง 10  ล้านคน พร้อมกับข้าราชการครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น อีกเป็นจำนวนถึง 700,000 คน  และสถานศึกษาอีก 30,000 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งดูอย่างผิวเผินดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่มีข้อเคลือบแคลงสำคัญหลายประการ

นอกจากนี้วัดพระธรรมกาย ยังมีข้อครหาทั้งในส่วนของการอบรมสั่งสอนตามพระวินัยหรือยึดในพระธรรมคำ สอนที่เป็นแก่นแท้พระพุทธศาสนาจริงหรือไม่ ประกอบกับมีพฤติการณ์ในเชิงพุทธพาณิชย์ตลอดมา โดยการชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไป ทุ่มเททรัพย์สินเงินทองเพื่อทำบุญสร้างวัตถุขนาดใหญ่ 

หนังสือคัดค้านดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลพักข้าราชการที่มีอำนาจลงนามร่วมกับสมาคมพุทธศาสตร์สากลและตรวจสอบความโปร่งใสการเงินและพฤติกรรมของวัดพระธรรมกายให้กระจ่าง

สำหรับรายละเอียดของหนังสือดังกล่าวมีดังนี้

สืบเนื่องจากร่างเอกสารลงนามข้อตกลงยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเชิงบูรณาการ ตามโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) และ สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากล ในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และแผนการให้ทุนการศึกษา จำนวนเงินกว่าหนึ่งพันล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะอบรมเยาวชนจำนวนถึง ๑๐ ล้านคน พร้อมกับข้าราชการครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น อีกเป็นจำนวนถึง ๗ แสนคน  และสถานศึกษาอีก ๗,๐๐๐ แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งดูอย่างผิวเผินดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่มีข้อเคลือบแคลงสำคัญหลายประการดังนี้

๑.  ในบันทึกข้อตกลงฯ(MOU) ไม่ระบุเรื่องงบประมาณไว้ให้ชัดเจน แต่มีการจัดทำเอกสารที่แนบเนื่องอยู่กับบันทึกข้อตกลงฯ(MOU)  เป็นทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนในเรื่องเดียวกัน ซึ่งระบุงบประมาณอย่างคลุมเครือกว่าหนึ่งพันล้านบาท พร้อมกับหมายเหตุว่า ไม่รวมค่าดำเนินการเป็นการเตรียมการลงนามสัญญาที่ขาดธรรมาภิบาลหรือไม่ หรือส่อให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงของผู้มีอำนาจลงนามตามกรอบหน้าที่รับผิดชอบและวงเงินตามระเบียบราชการหรือไม่ 

๒.  หากจำนวนเงินทุนการศึกษาดังกล่าว สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ เป็นผู้ให้การสนับสนุนเสียเอง ก็เป็นที่น่าสังเกตอย่างสำคัญว่า สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ นั้นมีเป้าประสงค์ซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าสมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดพระธรรมกาย ที่ยังมีข้อครหาทั้งในส่วนของการอบรมสั่งสอนตามพระวินัยหรือยึดในพระธรรมคำสอนที่เป็นแก่นแท้พระพุทธศาสนาจริงหรือไม่(ดูหนังสือกรณีธรรมกายที่แนบมา) ประกอบกับมีพฤติการณ์ในเชิงพุทธพาณิชย์ตลอดมา โดยการชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไป พ่อค้าคหบดี และคนยากจนผู้ด้อยโอกาสทุ่มเททรัพย์สินเงินทองเพื่อทำบุญสร้างวัตถุขนาดใหญ่ มีการล่อใจด้วยบุญและสวรรค์อันเป็นการบิดเบือนแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง  ในขณะเดียวกันแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแต่ก็มีกระแสข่าวหนาหูว่าสถาบันแห่งนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเชิงลึกกับฝ่ายการเมืองและการชุมนุมที่มีการใช้ความรุนแรงจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย

๓. การที่หน่วยราชการทำข้อตกลงสัญญาให้สถาบันที่ยังมีข้อครหาดังกล่าวนี้ให้ดำเนินการอบรมเยาวชนผู้ซึ่งจะเป็นอนาคตสำคัญของชาติและผู้นำการศึกษา ผู้นำท้องถิ่น รวมจำนวนถึง สิบล้านเจ็ดแสนคน  ในระยะเวลา ๓ ปี ให้ฝักใฝ่ลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่น่าเคลือบแคลงเป็นการเฉพาะนั้น นั่นย่อมจะทำให้สังคมและพระพุทธศาสนาเสื่อมทรุดจนกลายเป็นการใช้เครื่องแบบของพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างลัทธิบูชาวัตถุนิยม ซึ่งแก่นแท้ของพระศาสนาอาจจะปราศนาการจากชาติไทยไปในที่สุด

ดังนั้น ข้าพเจ้าและเพื่อนพุทธศาสนิกชนผู้ลงนามท้ายจดหมายนี้  จึงใคร่ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีปฏิบัติดังนี้

๑. สั่งการให้ข้าราชการผู้เกี่ยวข้อง หยุดการลงนามข้อตกลงในครั้งนี้ พร้อมกับสั่งพักข้าราชการที่มีชื่อระบุไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาที่สามารถให้คุณให้โทษข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการนี้ในทันที

๒. ดำเนินการใดใดเพื่อมิให้หน่วยราชการ องค์กรของรัฐ มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงใดใดกับสถาบันที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอีกต่อไป จนกว่าผลการตรวจสอบข้างล่างนี้จะปรากฏชัดแจ้งต่อสังคม 

๓. ให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสของการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เคยกระทำผ่านมา โดยเฉพาะโครงการอบรมครูและเด็กนักเรียนจำนวน ๕๐๐,๐๐๐คน ที่เกิดขึ้นมาแล้วในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัด 2009 แต่วัดพระธรรมกายยังดื้อดึงจัดงานและมีผู้บริหารของ สพฐ.ไปสนับสนุน ดังปรากฎในภาพและชื่อเวบไซด์ที่แนบมา 

๔. ให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสทางการเงินของพระในวัดพระธรรมกาย และสถาบันหรือโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายทั้งหมด โดยเฉพาะการสอบสวนถึงการที่อัยการถอนคดีความของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเพื่อตัดตอนการพิจารณาคดีของศาล ว่ามีเงื่อนงำอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่

๕. ให้มีการตรวจสอบการอบรมสั่งสอนและพฤติการณ์ของพระสงฆ์และสานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ว่ามีการรักษาแก่นแท้ของพุทธธรรมอยู่อย่างแท้จริงเพียงไร  โดยเฉพาะการสะสางอธิกรณ์ตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่ทรงมีพระวินิจฉัยไว้แล้วในกรณีวัดพระธรรมกาย ที่ถูกเก็บเรื่องเงียบไว้เป็นเวลานานแล้ว

ข้าพเจ้าและผู้ร่วมลงนามทั้งหมดนี้ ทราบดีว่าท่านนายกรัฐมนตรีกำลังอยู่ในภาวะที่ยากลำบากในการนำพาประเทศให้พ้นหายนะภัยจากวิกฤติสังคมที่เลวร้ายอยู่ในขณะนี้ และยังเชื่อมั่นว่าท่านจะยังคงเป็นผู้นำที่เป็นความหวังของประเทศต่อไป  เชื่อว่าท่านจะมีวิสัยทัศน์มีความเด็ดขาดกล้าหาญ ในอันที่จะระงับมิให้เกิดหายนะภัยทางสังคมที่หนักหน่วงร้ายแรงไปยิ่งกว่านี้อันจักเกิดขึ้นจากการปล่อยปะละเลยให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่หาทางหยุดยั้งให้เด็ดขาดลงไป  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นตราบาปทางประวัติศาสตร์ของชาติที่ ท่านนายกฯ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศในเวลานี้ได้เลย และที่น่าเสียใจก็คือชื่อเสียงความดีงามของวงศ์ตระกูลที่บรรพบุรุษของท่านได้สั่งสมมายาวนานก็จะพลอยมัวหมองตามไปด้วยชั่วกาลนาน ในทางกลับกันหากท่านสามารถระงับยับยั้งและสร้างกลไกที่ดีให้เป็นเกราะป้องกันอย่างแข็งแรงมิให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกตลอดไปได้ละก็ เกียรติประวัติของท่านจะถูกจารึกไว้ในสังคมและประวัติศาสตร์ตลอดจนประทับอยู่ในจิตใจพุทธศาสนิกชนผู้ประพฤติชอบตลอดกาลนานทีเดียว

พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการปลดวิกฤตสังคมตลอดถึงอนาคต ขอให้ท่านนายกฯ เร่งดำเนินการให้มีการนำแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาซึ่งมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบจำนวนไม่น้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินนี้ออกสั่งสอนประชาชนและเยาวชน โดยรัฐบาลสร้างโอกาส สร้างสื่อสารสาธารณะอย่างทุ่มเทให้มีการสั่งสอนอบรมศาสนาและศีลธรรมที่ถูกต้อง โดยผู้ปฏิบัติดีเหล่านี้ เพื่อยกระดับสังคมให้ออกจากการตกเป็นทาสวัตถุนิยม ใช้โอกาสนั้นสถาปนาพื้นฐานใหม่ทางสังคมขึ้นมาในยุคของท่าน โดยการนำวิถีพุทธอย่างแท้จริงกลับมาเป็นหลักสำคัญในการนำพาสังคม เฉกเช่นเดียวกับยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรงพลิกฟื้นความสุขสงบในสังคมภายหลังการฆ่าฟันที่โหดร้าย ด้วยการสถาปนาพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดยุคของท่านจนนามท่านจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์มานานนับพันปีตราบจนทุกวันนี้

จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการอย่างเร่งด่วน

ขอแสดงความนับถือ
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์

เวบไซด์อ้างอิง
http://www.kmutt.ac.th/buddhism/news.php
http://bdc.ibscenter.net/bdc/
http://cu-bs.spaces.live.com/
http://www.job.rmutt.ac.th/images/stories/phutasart.jpg