posttoday

แห่ร้องดีเอสไอถูกโกงแชร์ล็อตเตอรี่

28 ตุลาคม 2556

แชร์ล็อตเตอรี่ระบาดภาคเหนือ ผู้ลงทุนแห่ร้องดีเอสไอหลังถูกสมาคมผู้พิการหลอก เสียหายรวม 1,400 ล้านบาท

แชร์ล็อตเตอรี่ระบาดภาคเหนือ ผู้ลงทุนแห่ร้องดีเอสไอหลังถูกสมาคมผู้พิการหลอก เสียหายรวม 1,400 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายยอดชาย ชโลปถัมภ์ ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงให้ลงทุนแชร์ล็อตเตอรี่ในจังหวัดลำพูนและจังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้สอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้หลอกลวง โดยนายธาริต กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลาม และเกรงว่าผู้กระทำผิดจะหลบหนีหรือยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน เบื้องต้นมีผู้เสียหายกว่า 200 คนมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,400 ล้านบาท

นายยอดชาย กล่าวว่า ผู้กระทำผิดเป็นผู้พิการและเป็นนายกสมาคมผู้พิการแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ มีพฤติกรรมหลอกลวงด้วยวาจาปกปิดข้อเท็จจริงชักจูงให้ร่วมลงทุนซื้อหุ้นสลากตั้งแต่ปี 2534 ในราคาชุดละ 38,000 บาท โดยใน 1 ชุดมี 5 เล่ม และจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลงวดละ 1,000 บาท ซึ่งใน 1 เดือนจะได้รับเงินปันผล 2 ครั้ง ทำให้ผู้ลงทุนหลงเชื่อเพราะมั่นใจว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดสรรโควต้าให้กับผู้พิการจริง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนเองและกลุ่มผู้เสียหายกลับไม่ได้รับเงินปันผล เมื่อทวงไปถามกลับถูกบ่ายเบี่ยงว่าต้องนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติม พร้อมแนะนำให้ไปหาผู้มาร่วมลงทุนรายใหม่ จึงจะได้รับค่าตอบแทน ทั้งนี้จากการสำรวจความเสียหายพบว่า ผู้เสียหายที่ลงทุนสูงสุดคือรายเป็นเงิน 25 ล้านบาท และ 18 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่สมาคมผู้พิการแห่งนี้ได้รับการจัดสรรโควตาสลากเพียง 1,100 เล่มต่องวด การระดมเงินจากประชาชนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท จึงเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่

ร.อ.กรวิตร บุนนาค ผอ.ประจำสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาหลายคนพบว่ามีมูลกระทำผิดในรูปแบบแชร์ลูกโซ่จริง โดยมีการจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้ลงทุนสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร และสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 17 เดือน ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อนำเงินมาลงทุนเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอพบว่า ผู้กระทำผิดตั้งตัวเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่ คุกคามผู้เสียหาย และยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนซื้อสลากที่เป็นกลุ่มนายทหาร ตำรวจ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัด แต่ไม่จ่ายเงินปันผลให้ชาวบ้านเว้นแต่จะไปหาผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามา