posttoday

ภาค7สกัดไม่ให้ม็อบยางปิดถนนเพิ่ม

28 ตุลาคม 2556

ตำรวจภูธรภาค7 ย้ำเจ้าหน้าที่รักษาพื้นที่ชุมนุมม็อบยางไม่ให้ปิดถนนเพิ่ม ด้าน มท.1 ยันอุ้มปาล์ม 4 บาท ยาง 90 บาท

ตำรวจภูธรภาค7 ย้ำเจ้าหน้าที่รักษาพื้นที่ชุมนุมม็อบยางไม่ให้ปิดถนนเพิ่ม ด้าน มท.1 ยันอุ้มปาล์ม 4 บาท ยาง 90 บาท

พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า มาตรการดูแลความเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งยังปิดการจราจรถนนเพชรเกษมช่วง กม.412-415 พื้นที่  อ.บางสะพาน  เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามรักษาพื้นที่และไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไปปิดการจราจรบริเวณทางเลี่ยงในจุดอื่น เนื่องจากจะส่งผลกระทบ และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมากที่เดินทางขึ้นล่อง  14 จังหวัดภาคใต้ และหากแกนนำพยายามนำมวลชนบุกหรือยกระดับการชุมนุมที่รุนแรงขึ้นก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายโดยยึดหลักอดทนอดกลั้น

อย่างไรก็ตามส่วนมาตรการอื่นๆ ยังเน้นการตั้งจุดตรวจบริเวณโดยรอบพื้นที่การชุมนุมเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือมือที่สามสร้างสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น และขณะนี้ด้านการข่าวจะมีการยกระดับการชุมนุมและดาวกระจายไปหลายจังหวัดซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมจัดกำลังตำรวจไว้คอยดูแลความเรียบร้อย โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมทางไกลกำชับสั่งการให้จับตาแกนนำและป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังจากเจรจากับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า เรื่องราคาปาล์มน้ำมันรัฐบาลไม่รับปากว่าจะให้ในราคากิโลกรัมละ 6 บาทตามข้อเรียกร้อง ให้ราคาได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด และยืนยันว่าไม่มีนโยบายนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศอย่างแน่นอน

ส่วนข้อเรียกร้องราคายางพารากิโลกรัมละ 100 บาทนั้น รัฐบาลเจรจาอยู่ที่ 90 บาท ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่รับได้ โดยจะตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด ประกอบด้วย 3 ฝ่าย ในสัดส่วนที่เท่ากัน ทั้งนายจ้าง ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก เกษตรกร และผู้ผลิตยาง นักวิชาการ เพื่อรับข้อเรียกร้องและหาแนวทางแก้ปัญหารวมกัน ทั้งนี้ ขอร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าปิดการจราจรเนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบ

สำหรับขณะนี้รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการดูแลสถานการณ์ แต่ต้องกำชับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เร่งขอเจรจาไม่ให้ปิดถนนเพิ่มและขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมและติดตามผลการหารือระหว่างแกนนำกับผู้ชุมนุมถึงผลการที่ได้หารือกับตัวแทนรัฐบาล โดยย้ำว่ารัฐบาลไม่ให้ปิดถนนเพชรเกษมเป็นเวลานาน เพราะกระทบกับเศรษฐกิจภาพรวม และการสัญจรของประชาชน และให้ยึดหลักแนวทางการพูดคุย

นายจารุพงศ์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ระเบียบของทางราชการจ่ายเงินเยียวยาให้กับสื่อมวลชนที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากรถยนต์ถูกเผา ซึ่งเป็นผลมาจากการชุมนุมของม็อบสวนยางเมื่อวันที่ 5 – 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเหตุปะทะระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับชาวบ้านที่ริมถนนเพชรเกษม ระหว่างหลัก กม.ที่ 412 – 413 หน้าตลาดบ้านธรรมรัตน์  หมู่ 5 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน สำหรับผู้สื่อข่าวที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย น.ส.นัฐณิชา สังข์ทอง ผู้สื่อข่าว นสพ.เดลินิวส์ ประจำ อ.บางสะพาน รถเก๋งฮอนด้าแจ๊สถูกเผาเสียหายทั้งคัน  น.ส.พิมพ์พร อยู่รุ่ง ผู้สื่อข่าวช่อง 3 อสมท.ประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ รถนิสสัน เอ็นวี ถูกเผาได้รับความเสียหายบางส่วน เช่นเดียวกับ และ รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของ นายอภิชาติ หงษ์สกุล ผู้สื่อข่าวคมชัดลึก ประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์  ทั้งนี้ มท.1ได้สั่งให้ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วและรายงานให้ทราบ แม้ว่ายังไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลใดหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็ตาม