posttoday

ตำรวจเผยกระสุนยิงเอ็กซ์ผลิตจากรัสเซีย

26 ตุลาคม 2556

พฐ.เผยกระสุนยิงเอ็กซ์ผลิตจากรัสเซีย คนใช้ปืนมีความชำนาญได้พยานปากสำคัญคลี่คลายคดีแล้ว

ตำรวจเผยกระสุนยิงเอ็กซ์ผลิตจากรัสเซีย คนใช้ปืนมีความชำนาญ ได้พยานปากสำคัญคลี่คลายคดีแล้ว

พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยผลการตรวจพิสูจน์หัวกระสุนปืน ที่คนร้ายใช้ลอบยิง นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือเอ็กซ์ อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจพิสูจน์หัวกระสุนปืน ที่พบในที่เกิดเหตุ ตำรวจทราบเบื้องต้นเเล้วว่า หัวกระสุนปืนถูกยิงจากปืน ขนาด 7.65 ที่น่าจะผลิตตามชายเเดนประเทศรัสเซีย เเละทหารรัสเซีย จะนิยมใช้ ซึ่งลูกกระสุนปืนนั้นจะหายากมาก จึงดัดแปลงเป็นพิเศษให้สามารถใช้กับกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ได้ และบุคคลที่จะใช้ปืนชนิดนี้ได้ จะต้องค่อนข้างมีความชำนาญ และเป็นคนที่เล่นปืนอยู่เเล้ว

"ผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ยังไม่สามารถบอกได้ว่า กระสุนที่ยิงมาจากปืนกระบอกใดแต่ตำรวจได้ส่งผลตรวจพิสูจน์ให้ฝ่ายสืบสวน เพื่อใช้เป็นเเนวทางหาตัวคนร้ายต่อไปแล้ว" พล.ต.ท.คำรบ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้มีพยานปากสำคัญซึ่ง นายจักรกฤษณ์ ให้การเคารพนับถือมากคนหนึ่ง ยืนยันกับตำรวจชุดคลี่คลายคดีว่า ช่วงที่ นายจักรกฤษณ์ หลบหนีไปกบดานกับพรรคพวกเซียนพระที่ จ.นครปฐม นั้นไม่ได้มีปัญหากับคนอื่นอย่างรุนแรง แต่เพราะเกิดความหวาดระแวงเกรงว่าคนใกล้ชิดภายในครอบครัวจะลอบสังหาร เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม ที่ นายจักรกฤษณ์ ได้รับการประกันตัวออกมา ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะตามง้อ พญ.นิธิวดี แต่ฝ่ายภรรยาไม่พูดคุยด้วย การพยายามดำเนินไปอยู่หลายวัน

กระทั่งเจ้าต้องหันหน้าไปพึ่งพาผู้ใหญ่ที่ฝ่ายหญิงให้การเคารพนับถือ จึงตัดสินใจโทรไปปรึกษา “แม่ใหญ่” เครือญาติคนหนึ่งเพื่ออ้อนวอนให้ช่วยเกลี้ยกล่อมจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ในวันที่ นายจักรกฤษณ์ โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ “แม่ใหญ่” เพื่อขอร้องให้ช่วยทำตามสิ่งที่ต้องการโดยหมายมั่นให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิมนั้น ทาง “แม่ใหญ่” ได้ตกปากรับคำว่าจะโน้มน้าวและเกลี่ยกล่อมฝ่ายภรรยาให้ ซึ่งนายจักรกฤษณ์ ก็รู้สึกดีใจมาก แต่ความรู้สึกเป็นไปเพียงชั่วไม่กี่วินาที เนื่องจากเหลือบไปพบว่าปลายทางลืมกดวางโทรศัพท์ และเมื่อแนบหูฟังอีกครั้ง กลับได้ยินว่ามีเสียงคนใกล้ชิดทั้งชายและหญิงประมาณ 3-4 คน กำลังคุยกัน โดยสดับรับฟังได้ว่าคนทั้งหมดกำลังรวมหัวกันด่าตัวเองอย่างสาดเสียเทเสีย มีการวางแผนกำจัดให้พ้นไปจากครอบครัว และมีการพูดถึงทรัพย์สินหลายอย่างที่ครอบครองอยู่ทำให้ นายจักรกฤษณ์ โมโหเลือดขึ้นหน้ารีบเดินทางไปอาละวาดที่บ้านเป้าหมายทันที

พยานปากสำคัญซึ่งขณะนี้อยู่ในความคุ้มครองของตำรวจอย่างแน่นหนา ระบุด้วยว่า เมื่อ นายจักรกฤษณ์ ตัดสินใจเดินทางไปที่บ้านเป้าหมาย มีการชี้หน้าด่าทอกลุ่มคนทั้งชายหญิง แบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยเฉพาะมีการใส่อารมณ์และประกาศก้องด้วยว่า “ถ้ากูพกปืนได้เหมือนเมื่อก่อน พวกมึงจบไปแล้ว” จากนั้น นายจักรกฤษณ์ ก็เดินทางไปกบดานกับคนสนิทที่ จ.นครปฐม มีการวางแผนป้องกันตัวด้วยการสับเปลี่ยนรถที่ใช้ และให้คนข้างกายช่วยระแวดระวังภัยให้ตลอดเวลา กระทั่งหลังจากนั้น นายจักรกฤษณ์ เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางชัน เรื่องทรัพย์สินในตู้เซฟธนาคารสูญหายไป จำนวนกว่า 60 ล้านบาท ก่อนจะพบจุดจบในช่วงที่เดินทางกลับมาง้อขอคืนดีกับภรรยาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามการสืบสวนหาความเชื่อมโยงในเชิงลึกของฝ่ายสืบสวนพบข้อมูลสำคัญอีกหลายประการ เช่น ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีคนใกล้ชิดกับครอบครัว พญ.นิธิวดี ซึ่งตกอยู่ในข่ายต้องสงสัย 2-3 คน ใช้ชีวิตแปลกไปจากปกติอาทิ ตื่นนอนผิดเวลา มีการนัดหมายและติดต่อสื่อสารกับญาติในกลุ่มแคบๆ ของตัวเองถี่ขึ้นแบบผิดสังเกต

นอกจากนี้มีบางคนติดต่อไปหาอดีตทหารนอกราชการคนหนึ่ง ซึ่งมีประวัติพัวพันกับยาเสพติดจนต้องออกจากราชการ โดยขณะนี้ทราบเพียงว่าทหารนายนั้นเคยสังกัดอยู่ที่หน่วยรบแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ซึ่งชุดคลี่คลายจะเดินหน้าหาเบาะแสต่อไป เพื่อหาข้อพิสูจน์ให้ได้ในทุกมิติ โดยเฉพาะประเด็นอาวุธปืน เอ็ม 16 พับฐานที่พบในบ้าน นายจักรกฤษณ์ ก่อนหน้านี้ที่มีการนำไปซุกในตู้เสื้อผ้าว่าผ่านมือใครมาบ้าง.