posttoday

พ่อเชื่อเซียนพระนครปฐมไม่เกี่ยวยิง"เอ็กซ์"

22 ตุลาคม 2556

พ่อเชื่อ เซียนพระ "อ๊อด นครปฐม" ไม่เกี่ยวเหตุยิง "เอ็กซ์" เผยตำรวจรู้ลูกไปพักที่ไหนกับใครก่อนเกิดเหตุ ระบุเจ้าตัวมีความกังวลไม่สบายใจ

พ่อเชื่อ เซียนพระ "อ๊อด นครปฐม" ไม่เกี่ยวเหตุยิง "เอ็กซ์" เผยตำรวจรู้ลูกไปพักที่ไหนกับใครก่อนเกิดเหตุ ระบุเจ้าตัวมีความกังวลไม่สบายใจ

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. พ.ต.ท.ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ พนักงานงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.มีนบุรี ได้เรียกนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม และนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม บิดากับมารดา นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม มาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่สน.มีนบุรี ในคดีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายจักรกฤษณ์เสียชีวิต

นายมานพ กล่าวว่า วันนี้ตำรวจเรียกมาให้ปากคำเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ยังไม่รู้เบาะแสว่าใครเป็นคนฆ่าลูกชาย และไม่รู้จะสงสัยใคร เพราะไม่รู้สาเหตุจริงๆ ถ้ารู้บอกไปแล้ว ตนก็อยากรู้และอยากให้ตำรวจจับได้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกชาย ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุลูกชายก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ซึ่งก่อนเกิดเหตุไม่นานยังเคยไปอยู่เป็นเพื่อนลูกชาย ก็พูดคุยกันปกติถึงเรื่องทั่วไป ลูกชายไม่เคยระบายหรือปรึกษาปัญหาอะไรเลย พยายามทำตัวปกติ แต่ด้วยความเป็นพ่อก็สังเกตดูรู้ว่าสีหน้าของลูกชายเป็นกังวล ไม่สบายใจ

สำหรับ อ๊อด นครปฐม เซียนพระที่ลูกชายคบและไปอาศัยอยู่ด้วยก่อนจะเกิดเหตุร้ายนั้น ยืนยันได้ว่าไม่เกิดจากอ๊อดแน่นอน อ๊อดก็เหมือนลูกชาย อ๊อดเป็นคนดี ซึ่งดีมากด้วย รักเอ็กซ์เหมือนน้องคนหนึ่ง เอ็กซ์รู้จักคบหามานานหลาย 10 ปี อ๊อดจะสอนเอ็กซ์ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการดูพระ เรื่องการพูดจา เรื่องอารมณ์ เรื่องการใช้ชีวิต และการวางตัว ส่วนเรื่องลูกชายไปไหนพักที่ไหนกับใครก่อนจะมาเกิดเรื่องนั้นตำรวจรู้แล้ว ก็ให้ตำรวจทำหน้าที่ไป

"เอ็กซ์ก็ถูกยิงตาย เรื่องอะไรนั้นพ่อด็ไม่รู้ จะเรื่องพระหรือไม่ก็ไม่ทราบ ส่วนเรื่องยาเสพติดพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน และเรื่องครอบครัวพ่อก็ไม่ขอพูดถึง"นายมานพ กล่าว

ต่อมาเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน มีพยานเป็นชายอีก 2 คน ซึ่งเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้างที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุถูกพนักงานสอบสวนเรียกมาให้ข้อมูล โดยวินจักรยานยนต์ทั้งสองยืนยันว่าคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ แต่จำสีและทะเบียนไม่ได้ โดยเห็นคนร้ายขับรถมาประกบยิงระหว่างรถของนายจักรกฤษณ์ชะลอให้รถเลี้ยวออกจากซอยแล้วชักปืนยิงใส่ และได้ยินเสียงจำนวน 6 นัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนักงานสอบสวนได้ทำการแยกสอบปากคำทั้งบิดาและมารดาของนายจักรกฤษณ์ รวมทั้งพยานทั้งสองคน โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รรท.ผบก.น.3 เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ของสน.มีนบุรี และ กก.สส.บก.น.3 ต่างช่วยกันลงพื้นที่เดินตรวจสอบหากล้องวงจรปิดในรัศมี 10 กิโลเมตรให้มากที่สุด โดยกำชับให้ตรวจซ้ำจุดที่เคยตรวจสอบไปแล้วด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อผิดพลาด ส่วนปมสาเหตุการสังหารนั้นยังน่าสงสัยทุกเรื่อง แต่ต้องรอผลการปฏิบัติหน้าที่จากหลายๆ หน่วยมาประมวลผลร่วมกัน ซึ่งทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.นัดหมายชุดคลี่คลายคดีเข้าประชุมพร้อมกันที่ บช.น. วันที่ 23ต.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวน( บก.สส.)กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.นพรัตน์ สินมา ผกก.4 บก.สส.บช.น. ลงหาเบาะแสจากคนสนิทและใกล้ชิดกับนายจักรกฤษณ์ โดยเฉพาะเพื่อนในกลุ่มบิ๊กไบค์ด้วยกัน และกลุ่มแวดวงพระเครื่องสายสนามพระ จ.นครปฐม รวมถึงใช้เทคนิคตรวจสอบช่องทางการสื่อสารของผู้ตายก่อนเกิดเหตุว่า มีการติดต่อกับใครและคนกลุ่มใดบ้าง

ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ทีมสืบสวนทุกนายช่วยกันทำหน้าที่ที่รับผิดชอบอย่างรัดกุมและปิดเป็นความลับมากที่สุด เนื่องจากเกรงว่าพยานและหลักฐานบางชิ้นที่พบเพิ่มเติมอาจเชื่อมโยงไปถึงบุคคลสำคัญ และอาจเล็ดลอดออกไปจนมือปืนถูกฆ่าตัดตอนและผู้จ้างวานไหวตัวทันหลบหนีไปได้

รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวน พบประเด็นต้องสงสัยเพิ่มเติมอีกหลายกรณี ซึ่งทุกกรณีล้วนเกิดจากความขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพล และบุคคลใกล้ชิดสนิทสนม จนอาจทำให้ นายจักรกฤษณ์ พบจุดจบได้ทั้งนั้นเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคนประเภทโผงผาง พูดจาไม่เกรงใจผู้ใด โดยเฉพาะพฤติกรรมรุนแรง ล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์หรือโกรธเคืองกันมาก่อนอยู่แล้ว ตัดสินใจจ้างวานมือปืนมาประกบยิงชำระแค้น