posttoday

ดีเอสไอยันเอกสารยูเนียนคลองจั่นอยู่ครบ

11 ตุลาคม 2556

ดีเอสไอยันเอกสารเงินกู้สหกรณ์ยูเนี่ยนอยู่ครบ 27 ฉบับ หลังกรมส่งเสริมสหกรณ์ออกมาเปิดเผยเอกสารหาย

ดีเอสไอยันเอกสารเงินกู้สหกรณ์ยูเนี่ยนอยู่ครบ 27 ฉบับ หลังกรมส่งเสริมสหกรณ์ออกมาเปิดเผยเอกสารหาย 

นายกิตติก้อง คณาจันทร์ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีอดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและพวก ร่วมกันยักยอกทรัพย์กว่า 12,000 ล้านบาท กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าเอกสารสัญญาการปล่อยเงินกู้กว่าหมื่นล้านของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นหายทั้งหมดว่า เอกสารทางการเงินทั้งหมดสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้อายัดไว้เป็นพยานหลักฐานในคดีทั้งหมด  รวมทั้งเอกสารสัญญาปล่อยกู้เงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น  27 ฉบับ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ดีเอสไอก็ได้อายัดไว้เป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดเช่นกัน

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเอกสารทางการเงินทั้งหมดไม่ได้หายไปไหน ดีเอสไอจะประสานแจ้งประธานคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพื่อแจ้งให้ทราบต่อไป เพราะคาดว่าหลังจากประธานสหกรณ์คนใหม่เข้ารับตำแหน่งอาจไม่ได้รับการชี้แจงข้อมูลที่ครบถ้วน  ขณะเดียวกันในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะเดินทางไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในฐานะพยานหากใครไม่ให้ความร่วมมือจะพิจารณาดำเนินคดี

ผอ.ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า  จากการสอบสวนดีเอสไอพบพยานหลักฐานตรงกับข้อมูลผลการตรวจสอบของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยน่าเชื่อว่าเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 12,000 ล้านบาท น่าจะถูกนำออกไปตั้งแต่ปี 2551 แต่เมื่อจะตรวจสอบก็ทำเอกสารสัญญากู้เงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น  27 ฉบับ ย้อนหลังเพื่อป้องกันการตรวจสอบ โดยไม่ได้มีการกู้ยืมเงินจริง เชื่อว่าเป็นการอุปโลกน์ลูกหนี้ขึ้นมา

โดยในสัญญากู้ยืมเงินทั้งหมด สัญญาเกินครึ่งพบมีชื่อผู้ปล่อยกู้และผู้กู้เป็นอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันเงินกู้ก็ไม่คุ้มกับเงินกู้ เช่น นำที่ดินราคาไม่กี่ล้านบาท มาค้ำประกันเงินกู้เป็นร้อยล้านบาท อีกทั้งการค้ำประกันเงินกู้ก็ไม่ได้นำโฉนดที่ดินไปจดจำนองกับสำนักงานที่ดิน  นอกจากนี้บุคคลที่มีรายชื่อในสัญญากู้เงินปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกู้เงินดังกล่าว

นายกิตติก้อง กล่าวอีกว่า ส่วนเงินที่ถูกนำออกมาจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นครั้งนี้ จากรายงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์พบว่า มีเงินถูกนำออกไป 12,000 ล้านบาท ซึ่งตรงกับข้อมูลการสืบสวนของดีเอสไอที่พบยอดเงินที่ถูกยักย้ายออกไปตรงกัน  โดยดีเอสไอจตรวจสอบพบว่า มีการนำเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปใช้ในกิจการส่วนตัว รวมทั้งโอนให้บุคคลอื่น ดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าทรัพย์สินถูกยักย้ายไปถึงใครบ้าง หากพบว่า โอนย้ายทรัพย์สินไปที่ไหนถ้าผู้โอนหรือผู้รับโอนรู้หรือควรรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่น่าจะได้จากการกระทำความผิด ดีเอสไอจะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินทันที โดยมีโทษจำคุก กรรมละ 5 ปี

ผอ.ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามตรวจสอบทรัพย์สินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ได้ส่งสำนวนการอายัดทรัพย์ของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มาให้ดีเอสไอ พร้อมทรัพย์สินที่ถูกคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดไว้ตรวจสอบประกอบด้วยเงินฝากในธนาคาร 1 ล้านบาท และที่ดินหลายแปลงมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง.ต้องสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินภายใน 90 วัน  แต่คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จะยึดเป็นของแผ่นดินไม่ได้ ต้องนำมาคืนให้กับสหกรณ์เพื่อคืนให้กับสมาชิกผู้เสียหาย ดีเอสไอจึงต้องรับสำนวนอายัดทรัพย์มาตรวจสอบต่อ

นายกิตติก้อง กล่าวอีกว่า ดีเอสไอจะเร่งสืบสวนตรวจสอบว่ายังมีทรัพย์สิน ของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และบุคคลที่เกี่ยวข้องมีอยู่ที่ไหนอีกบ้างเพื่อติดตามอายัดไว้ตรวจสอบ ทั้งนี้ หลังจากดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นในคดียักยอกทรัพย์ แต่ได้ให้การปฏิเสธพร้อมขอให้สิทธิ์ให้การในชั้นศาล และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งปลดประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นคนเดิม ส่งผลดีต่อการสอบสวนอย่างมาก โดยมีแนวโน้มคาดว่าดีเอสไอจะดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีก