posttoday

กลม บางกรวยป่วยหนักศาลฎีกาเลื่อนอ่านคดีล็อคหวย

26 กันยายน 2556

ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคดีล็อคหวย ไปเป็นวันที่ 28 ต.ค. เหตุกลม บางกรวยป่วยหนักเส้นเลือดสมองแตก เดินไม่ได้

ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคดีล็อคหวย ไปเป็นวันที่ 28 ต.ค. เหตุกลม บางกรวยป่วยหนักเส้นเลือดสมองแตก เดินไม่ได้


ที่ห้องพิจารณา 611 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 26 ก.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหวยล็อกที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมตระกูล จอบกระโทก,พ.อ.อ.กิตติชาติ กุลประดิษฐ์ ,นายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือ กลม บางกรวย ผู้กว้างขวางย่านบางกรวย,นายสุริยัน ดวงแก้ว หรือ ผู้ใหญ่หมึกและนายพิชัย เทพอารักษ์ หรือ ชัย โคกสำโรง ผู้กว้างขวางจ.ลพบุรี เป็นจำเลยที่ 1-5ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และซ่องโจร กรณีวันที่15 ธ.ค.42-10 พ.ย.44 จำเลย กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันเกณฑ์คนเข้าไปรับชมการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1มิ.ย.44 เพื่อให้ได้รับเลือกเป็นตัวแทนตักลูกบอล โดยพวกจำเลยได้บ้วนของเหลวที่อมอยู่ในปาก ลงในภาชนะใส่ลูกบอล ก่อนเลือกตักลูกบอลหมายเลข 1 ทำให้ผลการออกสลากรางวัลที่ 1 เป็นเลขที่ออกคือ113311
 
โดยวันนี้ ปรากฏว่ามีเพียงนายสมตระกูล จำเลยที่ 1 และนายพิชัย จำเลยที่ 5 เดินทางมาศาล ส่วนนายสุริยัน จำเลยที่ 4 ย้ายที่อยู่ไม่สามารถติดต่อได้
 
ขณะที่ทนายความของนายณรงค์ หรือ กลม บางกรวย จำเลยที่ 3 ได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยที่ 3 มีอาการป่วยไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ได้ พร้อมยื่นใบรับรองแพทย์ รพ.บางโพ ลงวันที่ 25 ก.ย.56  โดยศาลได้ซักถามบุตรสาวของนายณรงค์จำเลยที่ 3 ที่เป็นนายประกันซึ่งวันนี้มาศาล ก็ระบุว่า บิดาเป็นเส้นเลือดก้านสมองและช่องสมองแตก เมื่อได้รับการผ่าตัดแล้วยังไม่สามารถลุกขึ้นเดินหรือกินข้าวด้วยตัวเองได้ แต่ยังมีสติสัมปชัญญะรับรู้  
 
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ามีเหตุสมควร จึงให้เลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 28 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับให้บุตรสาว ซึ่งเป็นนายประกันพาตัวจำเลยที่ 3 มาฟังคำพิพากษา และให้ส่งหมายศาลให้นายสุริยันจำเลยที่ 4 ใหม่ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.47 เห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยเป็นความผิดต่อสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ ที่จะต้องปฏิบัติออกสลากด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทำให้กระทบต่อความน่าเชื่อถือ สร้างความเสียหายโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม พิพากษาจำคุกจำเลยทั้งห้าฐานฉ้อโกงคนละ 2 ปี และฐานซ่องโจรคนละ 4 ปี รวมจำคุกจำเลยคนละ 6 ปี ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.49 ยืนตามศาลชั้นต้นในส่วนของจำเลยที่ 1-4 จำคุกคนละ 6 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 ให้จำคุก 2 ปีเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาต่อสู้คดี