แจงปรับปรุงสวนโมกข์ตามดำริพุทธทาส
ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสสวนโมกข์แจงปรับปรุงพื้นที่โบสถ์ธรรมชาติตามดำริ"พุทธทาส"เพื่อความสะดวก ยันยังรักษาสภาพเดิมไว้ หลานพุทธทาสแนะควรถามความเห็นให้รอบด้าน
ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสสวนโมกข์แจงปรับปรุงพื้นที่โบสถ์ธรรมชาติตามดำริ"พุทธทาส"เพื่อความสะดวก ยันยังรักษาสภาพเดิมไว้ หลานพุทธทาสแนะควรถามความเห็นให้รอบด้าน
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. พระอาจารย์ทองสุข ธัมมวโร ที่ปรึกษาเจ้าอาวาส วัดธารน้ำไหลหรือ สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎ์ธานี กล่าวชี้แจงกรณีที่มี กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกผ่านเครือข่ายเฟซบุ๊กแสดงความเป็นห่วงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโบสถ์ธรรมชาติที่มีการก่อสร้าง ซึ่งออกไปจากแนวทางเดิมของสวนโมกข์ รวมทั้งกรณีที่มีการแยกบัญชีวัดออกจากธรรมทานมูลนิธิ
พระอาจารย์ทองสุข กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่มีศิษย์ท่านพุทธทาสนำจดหมายเปิดผนึกไปโพสต์บนเฟซบุ๊กและไม่ทราบเรื่องการแยกบัญชีใดๆของวัดกับมูลนิธิ เพราะดูแลในส่วนการปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งอยากชี้แจงว่าการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวท่านพุทธทาสได้เคยดำริไว้เมื่อ 30 ปีก่อนแล้ว เพราะอยากให้มีการปรับปรุงอุโบสถธรรมชาติให้ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนาได้ และมีทางเดินที่สะดวก เนื่องจากบริเวณทางเดินเป็นช่วงที่มีน้ำจากบนภูเขาไหลกัดเซาะดินจึงได้เทปูนและปรับให้อยู่ในสภาพเดิม โดยไม่ได้มีการนำต้นไม้ใหญ่ออก
ด้าน นายอิทธฤทธิ์ วิทยา สถาปนิกที่ควบคุมการก่อสร้าง กล่าวว่า ได้ยึดตามแนวทางท่านพุทธทาสตามสภาพธรรมชาติไว้ทุกอย่าง โดยผู้ก่อสร้างเป็นคนในวัดทั้งสิ้นไม่มีผู้รับเหมา ซึ่งได้มีการหารือในกลุ่มลูกศิษย์ท่านพุทธทาสกันก่อนแล้ว และได้มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและลูกศิษย์ขึ้นมาดูและสอบถามความเข้าใจที่ตรงกันแล้วว่าไม่ได้มีการตัดต้นไม้ใหญ่หรือทำลายอะไร
นายณรงค์ เพชรเสมียน ประธานสภาวัฒนธรรม อ.ไชยาและ 1 ในไวยาวัจกร วัดธารน้ำไหล กล่าวว่า หลังจากมีการเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวออกไปขณะนี้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมาก ซึ่งสวนโมกข์ไม่ได้มีการก่อสร้างอะไรใหญ่โตตามที่มีการระบุไว้ในจดหมาย โดยยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติรอบเขาพุทธทอง รวมทั้งไม่มีการตัดต้นไม้อย่างใด
"ต้นไม้ได้คงรักษาตามเดิมไว้โดยมีการปรึกษานักวิชาการว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ต้นไม้ตายและยังคงอยู่ต่อไป โดยการก่อสร้างดังกล่าวผมเป็นผู้ดำเนินการเองเป็นเพียงการก่อปูนทำขั้นบันไดทางเดินขึ้นเขาพุทธทองเพื่อให้ผู้สูงอายุเดินได้สะดวก ซึ่งหลังเทปูนทำขั้นบันไดเสร็จก็จะมีดินลงมาปิดทับมีสภาพเหมือนเดิม"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นอาจเป็นการขัดแย้งในทางความคิดระหว่างพระผู้บริหารชุดใหม่กับคณะหลานของท่านอาจารย์พุทธทาสที่ควรมีการพูดคุยกัน เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการไปพูดว่าใครใกล้ชิดท่านพุทธทาสมากกว่าหรือท่านรักใครมากกว่ากัน และไม่อยากให้เกิดลักษณะนี้ขึ้น
ด้าน นายเมตตา พานิช ประธานธรรมทานมูลนิธิ ซึ่งเป็นหลานท่านพุทธทาส กล่าวว่า ในวัดธารน้ำไหลมีไวยาวัจกร 5 คน ตนได้ทำงานในช่วงที่ พระอาจารย์โพธิ์ จันทสโร เป็นเจ้าอาวาสเท่านั้น และมีหน้าที่ต้องรักษามรดกธรรมของท่านพุทธทาสให้ดีที่สุดและทำงานในส่วนของมูลนิธิ ส่วนเรื่องของวัดเป็นส่วนของพระอธิการสุชาติ ปัญญาทีโป เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันดำเนินการ แต่ก็ยังคงร่วมงานสนับสนุนกันอยู่ในด้านการจัดอบรม
"เรื่องที่เกิดขึ้นควรสอบถามให้รอบด้านซึ่งเป็นมุมมองและจิตใจของแต่ละคนว่าจะมองลึกซึ้งอย่างไร การที่วัดจะดำเนินการก่อสร้างอย่างไรเป็นเรื่องของวัดผมไม่ทราบมาก่อน แต่โดยความเห็นส่วนตัวเห็นว่า ไม่ควรมีสิ่งก่อสร้างใดๆอย่างทางเดินบนเขาพุทธทองที่เป็นดินก็ควรให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเมื่อมีการก่อสร้างก็จะไม่เป็นธรรมชาติ และในความคิดเห้นว่าควรที่จะอนุรักษ์แบบเดิมไว้อะไรที่ทำใหม่ก็จะไม่ใช่ของเดิม จะว่าผมเป็นนักอนุรักษ์นิยมก็ใช่เพราะยากที่อะไรจะมาเปลี่ยนแปลงได้"นายเมตตา กล่าว
นายเมตตา กล่าวว่า ที่ผ่านมาในสมัยท่านอาจารย์โพธิ์ ก็ยังให้คงรักษาสภาพของเดิมที่ท่านพุทธทาสทำไว้ จะไม่ให้ทำหรือให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพใดๆ
วันเดียวกัน น.พ.บัญชา พงษ์พานิช กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ 1 ในลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านพุทธทาส ได้ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่มีรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนและสังคมออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เมื่อวานนี้เกี่ยวกับการปรับปรุงพระอุโบสถธรรมชาติบนเขาพุทธทองและอื่น ๆ นั้น
หอจดหมายเหตุฯ ในฐานะองค์กรลูก กำลังติดตามและรอการปรึกษาหารือและวินิจฉัยของครูบาอาจารย์ ขอทุกท่านได้ร่วมกันในการใช้ สติ ปัญญา สัมปชัญญะ และ สมาธิ ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสนำพระธรรมของพระพุทธองค์มาร้อยเรียงให้ไว้ในชื่อ "ธรรมะ 4 เกลอ" เพื่อประกอบการติดตาม คิดอ่านและแสดงออกในการนี้ รวมทั้งช่วยชี้แนะและหาทางออก หรือช่วยเหลือในการรับใช้สนองงานพระศาสนา ตลอดทั้งสวนโมกข์สืบไป
น.พ.บัญชา กล่าวว่า ไม่อยากให้ขยายออกไปเป็นเรื่องอื่นๆที่แต่ละคนแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปในเฟซบุ๊กที่กระจายไปทั่วแล้ว จึงอยากให้ทุกคนยึดคำแนวทางของท่านพุทธทาส “สติ ปัญญา สัมปชัญญะ และ สมาธิ ”มาร่วมกันหาทางออก
