posttoday

เสี่ยกังอ้างถูกหลอกให้ทำบุญกับเณรคำ

22 กรกฎาคม 2556

ดีเอสไอตรวจสอบร้านประดับยนต์ของเสี่ยกังอ้างถูกหลอกให้ทำบุญกับอดีตพระเณรคำ

ดีเอสไอตรวจสอบร้านประดับยนต์ของเสี่ยกังอ้างถูกหลอกให้ทำบุญกับอดีตพระเณรคำ

นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ได้ไปตรวจสอบที่ร้านแสงเจริญ ซาวด์ แอนด์ มอเตอร์สปอร์ต ที่จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นร้านประดับยนต์ของ นายศุภราช วิริยพงศ์ หรือเสี่ยกัง ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือปปง. มีมติให้ตามยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 60 รายการของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ

เบื้องต้นทางเสี่ยกังให้การปฏิเสธ และระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ทำบุญกับอดีตพระเณรคำด้วย ดังนั้น จึงเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงด้วย และเตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวข้อเท็จจริงที่ร้านดังกล่าวด้วย

เวลาต่อมา นายศุภราช หรือเสี่ยกัง ชี้แจงว่า หลังจาก ปปง. เข้ามาอายัดรถจำนวน 17 คัน เพื่อตรวจสอบ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2556 ขณะนี้ทำให้ชื่อเสียงของตนเอง และครอบครัว รวมั้งธุรกิจ เสียหายอย่างรุนแรง เพราะตกเป็นจำเลยของสังคมว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการฟอกเงินกับเณรคำ 

ยืนยันว่ารถทั้ง 35 คันที่จัดหาให้เณรคำมีหลักฐานทุกอย่าง และในกรณีรถส่วนตัวที่ใช้ในครอบครัวทั้ง 17 คันที่ทาง ปปง.อายัด ตนเองก็มีหลักฐานการซื้อมาอย่างถูกต้องซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง

นายศุภราช ย้ำงว่า ได้ตกเป็นผู้เสียหาย ในกรณีที่ถูกเณรคำนั้นหลอกให้จ่ายเช็คจำนวน 10 ใบ เป็นค่างวดรถเบนซ์ที่เณรคำนั้นติดค้างไว้กับทางศูนย์เบนซ์อุบลฯ เป็นเงินจำนวนกว่า 5 ล้านบาท พร้อมกับการหลอกให้โอนเงินค่าพลอยจำนวน 4 ล้านบาท และบริจาคเสาวิหารแก้วและพระแก้วอีก 3 ล้านกว่าบาท รวมแล้วเสียหายนับ 10 ล้าน

ก่อนที่จะหลงเชื่อในการออกค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นเพราะที่ผ่านทางเณรคำมีเครดิตที่ดีกับทางร้านมาตลอด ประกอบกับมีผู้ใหญ่หลายท่านให้ความศรัทธาในตัวของเณรคำ จึงทำให้หลงเชื่อ ยอมออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน ซึ่งที่ผ่านก็ได้พยายามติดตามทวงถามเพื่อขอเงินจำนวนดังกล่าวคืนกับทางเณรคำ แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา

ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ "ดีเอสไอ" มาสอบสวน "เสี่ยกัง" ในฐานะพยาน และถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทางเจ้าตัวออกมายืนยันว่าเป็นผู้เสียหาย ซึ่งทางเราเชื่อว่ายังมีผู้ที่ติดต่อทำธุรกิจกับ เณรคำ ยังมีอีกหลายคน ที่กลัวว่าจะเป็นข่าวและจะได้รับความเดือดร้อน

ดังนั้น ทางดีเอสไอ ขอยืนยันว่าพร้อมที่จะรับฟัง เหมือนกรณีกับ "เสี่ยกัง" จึงอยากจะฝากบอกไปยังผู้ที่เคยทำธุรกิจ หรือการทำบุญ และรู้สึกว่าตนเองนั้นได้รับความเสียหายก็ขอให้เข้ามาแสดงตัวกับทางเจ้าหน้าที่ "ดีเอสไอ" ซึ่งทางเราพร้อมที่จะรับฟังและรับรองความปลอดภัย.