posttoday

"รับน้องเถื่อน"ปัญหาเรื้อรังอุดมศึกษา

17 กรกฎาคม 2556

เฟรชชี่ต้องการยอมรับจากรุ่นพี่ ไม่อยากถูกมองว่าไม่เข้าพวกกับคนอื่นๆจึงยอมโอนอ่อนให้กับรุ่นพี่เท่าที่จะอดทนได้

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

แม้วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จะออกแถลงการณ์ ขอโทษที่ปล่อยให้มีการจัดกิจกรรมรับน้องไม่เหมาะสม  หลังจากที่มีภาพนักศึกษาหญิงซึ่งเป็นรุ่นพี่ ยืนท่ามกลางนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นรุ่นน้อง ยืนเปลือยกาย ริมชายทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นกิจกรรมรับน้องใหม่ และเผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์  เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2556

กรณีดังกล่าว ม.รังสิตออกมาบอกว่า เป็นการดำเนินการส่วนตัวของกลุ่มนักศึกษา ไม่ใช่นโยบายของมหาวิทยาลัย สอดคล้องกับนโยบายของ สำนักคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ซึ่งรับผิดชอบดูแลมหาวิทยาลัยทุกแห่ง ระบุตรงว่า การจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ปีการศึกษานี้ ไม่มีเรื่องร้องเรียน กิจกรรมที่ไม่เหมาะสมถูกร้องเรียนผ่านสกอ.

...คำถามคือกิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร

กลางเดือน พ.ค. ที่ผ่าน หลังจากมหาวิทยาลัยต่างๆ จะเริ่มทยอยเปิดภาคเรียนแรกของปีการศึกษา กิจกรรมรับน้องใหม่ก็ยึดพื้นที่ทุกลานกิจจกรรมแต่ละคณะวิชา ของทุกมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกปีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะประกาศกติกา เป็นหนังสือเวียนที่ระบุว่า องค์กรนิสิต นักศึกษาทุกสถาบัน ต้องเสนอขออนุมัติโครงการจัดกิจกรรมรับเป็นลายลักษณ์อักษร ทุกกิจกรรมต้องได้รับการอนุมัติจากกรรมการและสภามหาวทยาลัยแต่ละแห่ง และการเข้าร่วมต้องเป็นไปโดยความสมัครใจเท่านั้น มีคำสั่งห้ามชัดเจนว่า ห้ามรับน้องนอกสถานที่ ห้ามมีของมึนเมา ห้ามละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทางเพศ หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย

แต่มาตรการดังกล่าว เพียงข้อห้ามหรือหลักปฏิบัติที่ประกาศทุกปี สวนทางกับนักศึกษาในหลายสถาบันการศึกษาที่มักจัดกิจกรรมรับน้องรุนแรงเกินเหตุให้เห็นทุกปีเช่นกัน

แม้หลายครั้งจะไม่เป็นข่าวแต่ก็ปรากฏให้เห็นจากสื่อออนไลน์ แต่ละสถาบันที่ถูกนำภาพกิจกรรมรับน้องที่ไม่เหมาะมาเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เช่น ภาพความรุนแรง จับน้องมาละเลงแป้งละเลงสี แสดงท่าทีส่อเสียดไปในทางอนาจาร   ก็มันจะมีคำอธิบายว่า กรณีดังกล่าว ถือเป็นการรับน้องเถื่อนที่ไม่เป็นไปตามประเพณีประชุมเชียร์ที่อนุมัติ และกิจกรรมเกินเหตุออกนอกลู่นอกทาง เป็นเรื่องที่ควบคุมดูแลได้ยากเพราะเกิดขึ้นนอกเวลาหรือสถานที่ที่อนุญาตให้จัดกิจกรรมนี้ และที่สำคัญมักจะเป็นไปตามความสมัครใจของนักศึกษาใหม่หรือเฟรชชี่

อดีตประธานนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จ. นครปฐม เล่าว่า จากประสบการณ์ ที่เคยดูแลกิจกรรมนี้ สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นว่า กิจจกรรมรับน้องจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากเฟรชชี่ที่สอบเข้ามาเรียนได้ ไม่อยู่ในช่วงดีใจ เพราะสามารถเข้าเรียนใน คณะที่วาดหวังไว้  พวกเขาสมยอมให้กิจกรรมนี้ เพราะต้องการยอมรับจากรุ่นพี่  ไม่อยากถูกมองว่าอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่เข้าพวกกับคนอื่นๆ จึงยอมโอนอ่อนให้กับรุ่นพี่เท่าที่จะอดทนได้ ไม่กล้าร้องเรียนเมื่อถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจากกิจกรรมนี้

"เชื่อว่าหลายสถาบันถือระบบโซตัส ซึ่งเป็นแนวคิด ที่ส่งทอดการจัดกิจกรรมจากนักศึกษารุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ให้เคารพในรุ่นพี่ และที่สำคัญคือได้รับการสนับสนุนเป็นการส่วนตัวจากอาจารย์ที่ยึดมั่นในระบบนี้ ซึ่งมักจะเป็นอาจารย์ผู้สอนหรือควบคุมกิจจกรรมที่จบการศึกษามาจากสถาบันเดียวกัน ผ่านพิธีกรรมเดียวกันนี้มาแล้ว จึงเชื่อว่ากิจกรรมนี้เป็นหลักยึดสำคัญ ให้คณะวิชาคงประเพณีที่ยึดถือกันมาได้ จึงปล่อยให้จัดกิจกรรมขึ้น แม้จะรุนแรงไปบ้างก็มัก ทำเหมือนหลับตา มองไม่เห็น เป็นกิจกรรมปิด ที่จัดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่รุ่นพี่หรือศิษย์เก่าเข้าไปสังเกตการณ์"

อดีตประธานนักศึกษาระบุอีกว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่ลอยเคว้งอยู่ในบรรยากาศการนับน้องใหม่ ที่จะอยู่คู่กับแทบทุกสถาบันอุดมศึกษาไปอีกจน กว่าจะมีมาตรการที่เข้าถึงปัญหาอย่างแท้จริง

ด้าน นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว วัยรุ่นชายในภาพเป็นนักศึกษาจริง แต่ว่าภาพที่โพสต์ออกมาเข้าใจว่ามีคนไปโพสต์โดยไม่ตั้งใจ

อย่างไรก็ตามกระบวนการดังกล่าว เท่าที่ตรวจสอบ พบว่า ไม่ได้อยู่ในกิจกรรมการรับน้อง เป็นเรื่องที่รุ่นพี่รุ่นน้องที่เจอกัน พูดคุยกันและจึงพากันไปเที่ยว ในส่วนที่ประพฤติไม่เหมาะสมคือการแสดงออกที่ส่งผลให้เกิดความเสื่อมเสียด้านวัฒนธรรมไทย  ก็คงต้องตักเตือนวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยให้ช่วยกันดูแลสอดส่องอย่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก

"การไปทำกิจกรรมรับน้องหรืออะไรก็ตาม ถ้ายังอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัย ก็คงจะต้องช่วยกันรักษาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเอาไว้ ถ้าสังคมเขาเห็น เขาจะไม่โทษเด็ก แต่จะโทษมหาวิทยาลัยที่อบรมสั่งสอนแทน และการที่วิทยาลัยดังกล่าวออกแถลงการณ์ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ คงต้องไปตักเตือนนักศึกษาว่าอย่าทำแบบนี้อีก" นพ.กำจรกล่าว