ดีเอสไอขอศาลออกหมายจับเณรคำ

ดีเอสไอขอศาลอนุมัติหมายจับเณรคำ จ่อดำเนินข้อหาฉ้อโกง ปปง.สอบเส้นทางการเงิน 300 ล้านบาท

พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้เตรียมเอกสารหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก ใน 2 ข้อหา คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 กรณีเว็บไซต์ของ อดีตพระเณรคำ เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงประชาชน และข้อหา กระทำชำเราและพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ต่อศาลอาญารัชดาแล้ว

ขั้นตอนต่อไป เมื่อศาลออกหมายจับ จะแจ้งไปที่ สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) เพื่อให้ทางสงฆ์ทราบ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อถอนวีซ่า และหนังสือเดินทาง ตำรวจทุกหน่วย เพื่อประกาศขึ้นบัญชีหมายจับ ซึ่งสามารถจับกุมตัวได้ทันทีหากพบตัว และ ปปง. เพื่ออายัดทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สุจริตต่อไป

พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.เปิดเผยว่ากรณีอดีตพระเณรคำ ยักย้ายถ่ายเทเงินในบัญชีจาก 300 ล้าน จนเหลือ 3 ล้านบาท ส่วนนี้จะมีการประสานกองปราบปราม ตรวจสอบยอดที่แท้จริงอีกครั้ง แต่การตรวจสอบไม่ได้ยึดเพียงชื่อเท่านั้น เพราะเชื่อว่าต้องมีการโยกย้ายเงินแน่นอน โดยจะตรวจสอบบัญชีของเครือญาติด้วย ซึ่งมีร่องรอยให้ติดตามได้ และเป็นหลักฐานที่ชัดเจน จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องอยู่นิ่ง เพราะหากเกี่ยวข้องก็จะผิดฐานฟอกเงินด้วย โอน 1 ครั้ง นับเป็น 1 กรรม 1 วาระ โทษเพิ่มเป็นทวีคูณด้วย ส่วนข่าวทองคำ 8,000 ก.ก. ตอนนี้ยังพบเป็นเพียงข่าวที่พูดต่อๆ กันมา ซึ่งยากกว่าการติดตามเส้นทางเงิน แต่หากผู้มีเบาะแสก็ให้แจ้งเข้ามาจะเร่งตรวจสอบเช่นกัน

นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์  หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า วันที่ 19 ก.ค.นี้  ดีเอสไอ ได้ประสานไปยัง กองปราบปราม เพื่อขอรับข้อมูลในการสอบสวน อดีตพระเณรคำ กรณีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งกองปราบปรามได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะรวบรวมสรุปหลักฐาน ในการขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป ซึ่งถือว่า เป็นคดีที่ 3 ที่จะออกหมายจับ คาดว่า สัปดาห์หน้า จะสามารถขอออกศาลหมายได้

ซึ่งในคดีฉ้อโกงนี้ คาดว่าจะมีผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมอีกจำนวนหลายคน เพราะคดีฉ้อโกง มีทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากขนาดนี้ ตัวอดีตพระเณรคำคนเดียวคงทำไม่ได้แน่ ต้องมีคนร่วมด้วย ซึ่งคาดว่าหากมีการออกหมายจับในคดีดังกล่าว จะมีผู้ที่ทั้งเสียหายและผู้ที่อาจจะไม่แน่ใจว่าอยู่ขบวนการด้วยหรือไม่มาให้ปากคำจำนวนมาก โดย ดีเอสไอ เตรียมพร้อมที่จะสอบสวนต่อไปแล้ว