โฆสิตแนะปรับตัวรับคนสูงวัยมากขึ้น
"โฆสิต" ชี้โจทย์ใหญ่ประเทศไทย ทุกคนต้องตื่นตัวรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยคนสูงวัยมากขึ้น
"โฆสิต" ชี้โจทย์ใหญ่ประเทศไทย ทุกคนต้องตื่นตัวรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยคนสูงวัยมากขึ้น
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและแผนประชากร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวในงานเสวนา “เกิดน้อย ด้อยคุณภาพ อนาคต (เศรษฐกิจ) ประเทศไทยจะไปทางไหน” โดยย้ำว่าโครงสร้างประชากรของไทยที่เปลี่ยนไปจากอดีตที่ผ่านมาอย่างมาก โดยปัจจุบันประชากรเด็กและวัยทำงานเริ่มมีจำนวนน้อยลง และในอนาคตกลุ่มคนทำงานจะเหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนประชากร และคนส่วนใหญ่จะมีอายุเกิน 65 ปี ทำให้คนวัยทำงานต้องมีภาระเลี้ยงดูวัยสูงอายุ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ จึงมีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ โครงสร้างการผลิตจะเปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชนทุกคน จะต้องปรับตัวรองรับโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพราะประเทศไทยยังต้องใช้แรงงาน คนวัยทำงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะเป็นโจทย์สำคัญในการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงหาทางดูแลพัฒนาคุณภาพประชากรตั้งแต่วัยรุ่นเพื่อให้มีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาสนฤพุฒิ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิสถาบันอนาคตไทย กล่าวว่า ตลาดแรงงานไทยปัจจุบันมีจำนวน 38 ล้านคน ในสัดส่วนดังกล่าว 21 ล้านคนเป็นผู้ทำงานอิสระ เช่น พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย โดย 17 ล้านคนเป็นวัยแรงงานรับเงินเดือนประจำ ครึ่งหนึ่งหรือ 50% ของ 17 ล้านคนเป็นแรงงานรับค่าจ้างรายวัน ส่งผลให้นายจ้างไม่ยอมลงทุนพัฒนาคุณภาพแรงงาน เพราะเป็นลูกจ้างรายวัน จึงมีผลต่อภาคการผลิตและประสิทธิภาพของแรงงาน รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญพัฒนาและดูแลฝีมือแรงงานให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะมีผลต่อโครงสร้างการผลิตของประเทศ
ทั้งนี้การเกิดน้อย ขาดกำลังแรงงาน ก็สามารถที่จะนำแรงงานจากต่างประเทศที่มีคุณภาพมาเข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศไทย แต่รัฐบาลจะต้องมีนโยบายแรงงานระดับอาเซียนรองรับ
นายมีชัย วีระไวทยะ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กล่าวว่า ยอมรับประเด็นการเกิดใหม่น้อยไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญต้องพัฒนาคนให้มีคุณภาพมีความซื่อสัตย์ มีวินัย แต่ถ้ามีเด็กเกิดมากแต่ไม่มีคุณภาพก็ทำให้ประเทศเสียหาย ทั้งนี้ผลสำรวจความคิดเห็นของโพลสถาบันต่าง ๆระบุรในมุมมองข้าราชการ ยอมรับการทุจริตคอรัปชั่นได้ 58 % พนักงานเอกชน 65.3 % พ่อค้า 65 % ผลการศึกษาไทยด้อยคุณภาพ ซึ่งสะท้อนว่าสังคมขาดคุณภาพ ดังนั้น เพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจสามารถพัฒนาและเติบโตต่อไปได้ ต้องส่งเสริม และรณรงค์ไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกอาชีพ
ทั้งนี้การท้องก่อนวัยเรียนเป็นปัญหาด้านการประชากรหนึ่ง และจุดเริ่มต้นของปัญหาคุณภาพชีวิตของแม่วัยรุ่นและเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่เกิดมาไม่มีโอกาสเข้ารับการศึกษา ซึ่งทุกฝ่ายต้องเข้าไปช่วยเหลือเด็กท้องก่อนวันเรียนให้อยู่ในสังคมได้ และโรงเรียนก็ต้องให้เด็กที่ท้องก่อนวัยเรียนได้รับการศึกษา โดยให้เพื่อนๆในกลุ่มช่วยเป็นพี่เลี้ยง พร้อมกับสอนให้เด็กรู้จักป้องกันการตั้งครรภ์