posttoday

DSIชี้เณรคำเข้าข่ายปาราชิก

07 กรกฎาคม 2556

ดีเอสไอเข้ายื่นหลักฐานการสอบสวนต่อเจ้าคณะศรีสะเกษ ชี้เข้าข่ายปาราชิกทั้ง เสพเมถุน ดื่มสุรา เสพยา พร้อมเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ดีเอสไอเข้ายื่นหลักฐานการสอบสวนต่อเจ้าคณะศรีสะเกษ ชี้เข้าข่ายปาราชิกทั้ง เสพเมถุน ดื่มสุรา เสพยา พร้อมเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะได้นำหนังสือของดีเอสไอ เรื่องขอส่งข้อมูลพฤติกรรมอันเข้าข่ายเป็นปาราชิกของพระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโกมายื่นให้พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต  ที่วัดป่าศรีสำราญ  อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงหลังได้รับการร้องเรียนกรณีพระวิรพลเป็นเวลา 3 วันพบหลักฐานและได้รับการยืนยันจากพยานปากสำคัญหลายรายว่า พระวิรพลประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ โดยมีการยืนยันเรื่องการเสพเมถุน การล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี การดื่มสุรา เสพยาเสพติด

"ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเรื่องทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว  จึงได้นำเอาสรุปผลการสอบสวนมาเสนอให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ   ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล   ได้ทราบเพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการสอบสวนการกระทำผิดพระธรรมวินัยของพระวิรพล"พ.ต.ท.พงศ์อินทร์กล่าว

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์กล่าวอีกว่า นอกจากจะเข้าข่ายการกระผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277  ซึ่งเป็นการกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  และจากการสอบสวนยังพบว่า พระวิรพล  ยังเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 277 วรรคสาม  การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร   ซึ่งศาลจะลงโทษสถานหนัก และซึ่งจะแจ้งข้อหานี้เพิ่มเติมด้วย

ด้าน พระครูวัชรสิทธิคุณ  พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติและเป็นเลขานุการคณะกรรมการสอบสวน กล่าวว่า  การดำเนินการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากว่าเรื่องการกระทำที่เกิดขึ้น  เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ  แต่ว่าพระวิรพลสังกัดอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี  ซึ่งจะต้องดำเนินการคนละส่วนกัน   ซึ่งในส่วนของ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไว้แล้ว  ส่วนพระวิรพลจะมีความผิดตามพระธรรมวินัยอย่างไรนั้น  คณะกรรมการก็จะต้องดูตามพยานหลักฐานอีกครั้งหนึ่งอย่างละเอียด   ส่วนคดีความทางโลกนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำเอามาใช้ประกอบในการพิจารณาด้วย

ขณะที่ พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะ จ.อุบลราชธานี (ฝ่ายธรรมยุต) พร้อมด้วยพระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ เจ้าคณะ อ.ม่วงสามสิบ ประธานคณะกรรมการไต่สวน และพระสังฆาธิการ ประชุมหาข้อสรุปเรื่องการบวชและสังกัดของพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ

โดยที่ประชุมได้เชิญพระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการบวชของพระวิรพลมาให้ปากคำ และมีการนำใบสุทธิของพระวิรพลตั้งแต่บวชเป็นสามเณรที่วัดภูเขาแก้ว และบวชพระที่วัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มาพิจารณา พบมีการบวชอย่างถูกต้องจึงตัดข้อสงสัยกรณีพระวิรพลไม่ได้เป็นนักบวชในพุทธศาสนาออกไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับสังกัดของพระวิรพล พบว่าบวชเป็นสามเณรกับพระครูพิบูลธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดภูเขาแก้ว เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2537 ขณะอายุได้ 15 ปี และจำพรรษาอยู่ที่วัดดังกล่าวจนกระทั่งบวชเป็นภิกษุเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2542 โดยมีพระครูพิพัฒน์สังฆกร หรือพระสุนารถมุนี เจ้าอาวาสวัดศรีนวล เป็นพระอุปัชฌาย์ และไปจำพรรษาที่วัดดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี

กระทั่งเมื่อปี 2549 พระวิรพลได้ขอย้ายเข้าสังกัดกับวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และขอย้ายออกจากวัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อไปเป็นประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2549 ทำให้การสังกัดกับวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อสิ้นสุดลง ดังนั้น ต้นสังกัดของพระวิรพลจึงไปอยู่กับคณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งผลการสอบสวนของคณะสงฆ์จะทำการสรุปและส่งมอบให้คณะสงฆ์ชุดใหญ่ผู้มีหน้าที่วินิจฉัยสำนวนการไต่สวนได้รับทราบ พร้อมทำหนังสือแจ้งให้คณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ ทราบถึงอำนาจการสอบสวนกับพระวิรพลต่อไป ในฐานะที่คณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้ปกครอง

ด้าน พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า พฤติกรรมของพระวิรพลอาจเข้าข่ายทุจริต หรือ มีกระบวนการฟอกเงินเกิดขึ้น หลังพบว่า ทรัพย์สินส่วนตัว รวมถึงยอดเงินบริจาคภายในวัดมีมากผิดปกติ อีกทั้งพฤติการณ์ในการรับกิจนิมนต์ต่างๆ ของพระวิรพลที่ผ่านมา จะมีคณะติดตามทั้งลูกศิษย์ เเละนายตำรวจยศสูงจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงอยากให้พระวิรพลรีบเดินทางกลับประเทศโดยเร็ว เพื่อชี้เเจงทุกข้อสงสัย เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสน