ขอนแก่นใช้มือถือถ่ายภาพคนทำผิดส่งค่าปรับถึงบ้าน

ตำรวจขอนแก่นใช้มือถือถ่ายภาพผู้ขับขี่รถทำผิดจราจรส่งค่าปรับถึงบ้านนำร่อง 4 เส้นทางรอบเมือง

พ.ต.อ.จรูญ  นวมทอง ผกก.สภ.เมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท. ฑฤกร  สอนวงษ์   รอง ผกก.(จร.) สภ.เมืองขอนแก่นและ พ.ต.ท.อนุรัตน์  ฉิมทิม สว.จร. สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรชุดเฉพาะกิจตรวจจับการกระทำความผิดด้วยกล้องถ่ายภาพและโทรศัพท์มือถือตามนโยบายการกวดขันการกระทำความผิดกฎจราจรในเขตชุมชนเมืองในช่วงเวลาเร่งด่วนหลังพบว่าปริมาณรถเริ่มหนาแน่นมากขึ้นและมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นอย่างบ่อยครั้ง

พ.ต.อ.จรูญ  กล่าว่า ปัจจุบันยอดรถจดทะเบียนใหม่ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมาเฉพาะในเขต จ.ขอนแก่น มีมากว่า 30,000 คัน ในจำนวนนี้เป็นคนในเขตชุมชนเมืองถึง 20,000 คัน ทำให้การกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายจราจรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็นสาเหตุหลักของสภาพการจราจรในเขตชุมชนเมืองที่ติดขัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน

ทั้งนี้จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าการกระทำผิดกฎจราจรของผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ เป็นสาเหตุของการทำให้ในเขตชุมชนเมืองนั้นมีสภาพการจราจรที่ติดขัดเช่นกัน และเมื่อเทียบสัดส่วนปริมาณของรถกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฎิบัติงานตลอดทั้ง 24 ชม.นั้นยอมรับว่าการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการกวดขับจับกุมผู้กระทำความผิดนั้นยังคงไม่ครอบคลุม ซึ่งที่ประชุมร่วมระหว่าง ตำรวจจราจร,เทศบาลนครขอนแก่นและ อบจ.ขอนแก่น จึงได้มีมติในการนำเทคโนโลยีมาทำการตรวจจับผู้กระทำความผิดกฎจราจรนำร่อง 4 เส้นทางหลัก ประกอบด้วย ถ.กลางเมือง,ถ.หลังเมือง,ถ.หลังเมือง และ เส้นทาง มิตรภาพ-บ้านกอก ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พ.ต.อ.จรูญ กล่าวอีกว่า ในช่วงระยะเวลาของการดำเนินงานจะมีการรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ขับขี่ด้วยการกำหนด 10 พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เริ่มจากการจอดรถซ้อนคัน,การแซงในที่คับขัน,การจดรถขวางถนนในลักษณะของการเลี้ยวขวา,การใช้ทางร่วมทางแยกที่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร โดยเฉพาะไฟเหลือง,การข้ามถนนโดยไม่ใช้ทางม้าลายหรือสะพานลอย,พฤติกรรมของการรับ-ส่งผู้โดยสารของรถสาธารณะทุกประเภท,การรับ-ส่งผู้โดยสารที่ไม่ตรงจุดจอด,การวางสิ่งของบนขอบทางหรือบนถนนทั้งป้ายโฆษณา-โต๊ะ-เก้าอี้-แท่งปูน,การเปิดช่องทางพิเศษโดยเฉพาะในช่วงจุดกลับรถที่ส่วนใหญ่จะไม่จอดรอในช่องทางแต่พยายามขับคู่ขนานเพื่อเปิดช่องทางข้างเคียงและกลับรถสุดท้ายคือการขับรถย้อนศร ทั้งหมดจะถูกบรรจุไว้ในแผนปฎิบัติการรณรงค์ในทุกรูปแบบ เพราะถือเป็นการร่วมด้วยช่วยกันสร้างวินัยในการขับขี่เพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุและเป็นต้นเหตุให้เกิดสภาพการจราจรที่ติดขัดในเขตชุมชนเมืองได้อย่างยั่งยืน