จับอดีตตร.คอมมานโดร่วมแก๊งลักรถ

จับอดีตตำรวจคอมมานโดร่วมแก๊งลักรถยนต์ รองผบ.ตร.เผยใช้เทคโนโลยีฐานข้อมูลคัดกรองรถเพื่อสกัดจับตามด่านตรวจ

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. และ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปจร.ตร.)พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้แถลงข่าวจับกุม นายพันธกร หรือเกษม อินทร์แก้ว อายุ 46 ปี พร้อมของกลางรถกระบะบี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ แบบ 4 ประตู สีดำ

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา นางสำราญ ไชยบุบผา เจ้าของรถกระบะคันดังกล่าวได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลพบุรีว่าถูกคนร้ายขโมยรถไป ขณะจอดไว้ที่ห้างสรรพสินค้าใน จ.ลพบุรี โดย พนักงานสอบสวนได้ทำการบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลของเว็บไซต์ www.lostcar.go.th ของ ศปจร.ตร.ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการคัดกรองรถเพื่อทำการตรวจค้น

จากนั้นได้มีการประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ซึ่งมีการตั้งจุดตรวจค้น 311 ทั่วประเทศ ทำการตรวจสอบจนกระทั่งพบว่า ในเวลา 14.22 น.ของวันที่ 29 มิ.ย. คนร้ายได้ขับรถกระบะของผู้เสียหายผ่าน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทาง เจ้าหน้าที่ จึงนำกำลังไปตั้งจุดตรวจบ้านพละ ถนนเพชรเกษม อ.ปะทิว จ.ชุมพร เพื่อรอขอตรวจค้น แต่เมื่อนายพันธกร ขับมาถึงกลับไม่ยอมหยุดรถ พร้อมทั้งขับหลบหนีออกไปยังถนนรอง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ดังกล่าว จากการตรวจค้นพบเล่มและป้ายทะเบียนปลอมซุกซ่อนอยู่ในรถด้วย ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ

นายพันธกร ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยรับราชการเป็นตำรวจคอมมานโด กองปราบปราบ ยศ ส.ต.อ. แต่เมื่อปี 2543 ถูกจับกุมข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ พอพ้นโทษออกมาเมื่อปี 47 ก็ไปทำสวนทำไร่อยู่ที่อ.หาดใหญ่ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายต้น ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเคยติดคุกด้วยกัน ก็โทรศัพท์ให้มารับรถกระบะคันดังกล่าวที่เพิ่งขโมยมา ให้ช่วยไปจำนำให้ จึงขึ้นรถไฟมากทม.แล้วเดินทางไปรับรถจากนายต้นที่ ย่านคลอง 14 จ.ปทุมธานี เมื่อมาถึงนายต้นก็ให้เงินมา 6,000 บาท เป็นค่าน้ำมัน ก่อนรีบขับรถมุ่งหน้าลงภาคใต้โดยตั้งใจว่าจะขับไปตระเวนตามบ่อนในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เคยเข้าไปเล่นบ้าง เผื่อจะมีใครรับจำนำ แต่ก็มาถูกจับกุมได้ที่จุดตรวจบ้านพละเสียก่อน

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรกับนายพันธกรไว้ก่อน

ทั้งนี้การจับกุมครั้งนี้เป็นผลของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ โดยทางศปจร.ตร.ได้เปิดช่องทางรับแจ้งทางสายด่วน 1192 และเว็บไซต์ www.lostcar.go.th เป็นช่องทางรับฐานข้อมูลรถที่ถูกโจรกรรม แจ้งสกัดจับ และให้บริการข้อมูลกับประชาชน ก่อนจะแจ้งข้อมูลไปยังจุดสกัดของ บก.สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บช.ปส. ที่มีการตั้งจุดตรวจค้น 311 ทั่วประเทศ ทำให้สามารถติดตามจับกุมรถที่ถูกโจรกรรมมาได้แล้วหลายคัน ทั้งที่เป็นคดีและไม่เป็นคดี

นอกจากนี้ ในวันที่ 5 ก.ค. จะเชิญตัวแทนบริษัทผู้ผลิต ผู้จำหน่ายรถยนต์ รถจยย.และบริษัทประกัน เข้าร่วมหารือกันแก้ไขกรณีที่มีรถถูกโจรกรรมไปด้วยการใช้สัญญาณรีโมทรบกวน เนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพสามารถทำได้จริง ซึ่งอยากฝากเตือนไปยังประชาชนด้วยว่าให้เมื่อกดรีโมทแล้วให้ตรวจสอบที่ประตูอีกครั้งว่าล็อกเรียบร้อยแล้วหรือยัง เพราะอาจทำให้ถูกโจรกรรมรถหรือทรัพย์สินไปได้