posttoday

เอาตัวรอด เมื่อเผชิญวิกฤตนักเรียนนักเลง

29 มิถุนายน 2556

เปิดเทอมมาได้ไม่นานเท่าไรนัก มหกรรมนักเรียนนักเลงก็เริ่มอุบัติขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครบริเวณชานเมืองรอบนอก

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

เปิดเทอมมาได้ไม่นานเท่าไรนัก มหกรรมนักเรียนนักเลงก็เริ่มอุบัติขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครบริเวณชานเมืองรอบนอก หรือแม้แต่ในใจกลางมหานคร หากอริต่างสถาบันพบหน้ากันเข้า ก็ถึงคราวต้องหลั่งเลือดเพื่อความเชื่อในศักดิ์ศรีที่บ้าบอ

ไม่ว่าจะเป็นเด็กช่างกลขายาว หรือนักเรียน ม.ปลายขาสั้น หากเห็นคู่อริต่างถิ่นแม้จะไม่รู้จักหรือมีเรื่องมีราวกันมาก่อน ก็พร้อมจะแลกความเจ็บปวดเสียเลือดเสียเนื้อระหว่างกันทันที คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่หรือไม่เกี่ยวข้องด้วยหลายต่อหลายเหตุการณ์ ต้องมาซวยติดลูกหลวงพวกอันธพาลในคราบนักเรียนอย่างหลีกหนีไม่พ้น บ้างบาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย หรือบางรายก็ต้องมาจบชีวิตลง เพราะพวกนี้จ้องจะฆ่าจะแกงกัน พกปืน พกมีดดาบมาห้ำหั่นกันราวกับอยู่ในสมรภูมิรบก็ไม่ปาน

เช่นเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อกลางปี 2555 นักเรียนนักเลงควบรถจักรยานยนต์ควักปืนยิงเข้าใส่อริที่อยู่บนรถเมล์สาย 59 สายรังสิตสนามหลวง ขณะที่รถวิ่งผ่านหน้าสนามบินดอนเมือง ระดมยิงอย่างไม่ยั้ง สุดท้ายผู้โดยสารเป็นหญิงอายุ 40 ปี ต้องมาสังเวยชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

หรือที่บริเวณท่ารถเมล์รังสิตปทุมธานี ชาวบ้านยืนรอรถอยู่ดีๆ แท้ แต่มีอริมาไล่ฆ่ากัน ยิงปืนเข้าใส่ แต่กระสุนมาถูกชายคนหนึ่งเข้าปอดทะลุอาการสาหัส และจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีกลุ่มนักเรียนยกพวกตีกันอยู่หลายพื้นที่ ทำให้ดูเหมือนเป็นปัญหาโลกแตกที่ยากจะแก้ไข

ตำรวจมีหน้าที่หลัก คือ ต้องปราบและปราม ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุก็ดูเหมือนจะจนปัญญา เพราะกำลังพลในการเฝ้าระวังนักเรียนทะเลาะวิวาทเพียงอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอ และแน่นอนว่าชาวบ้านตาดำๆ หาเช้ากินค่ำต้องหาทางเอาตัวรอดเอง สิ่งที่ตำรวจพยายามแก้ไขให้ คือ ระบุสายรถเมล์ที่สุ่มเสี่ยง หรือมีประวัติเกิดเหตุนักเรียนตีกันบ่อยครั้ง ออกเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือน มิ.ย.ก.ค.ของทุกปี ที่จะเป็นช่วงลองของ เปิดเทอมใหม่ๆ ต้องมีผลงานตีกันสำแดง ทำให้ชาวบ้านต้องระวังมากขึ้น

จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า เป้าหมายที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง คือ 1.คันนายาวดอนเมือง ต่อเนื่องลำลูกกาปทุมธานี 2.ด้านใต้ กทม. มีนบุรีบางนา เชื่อมต่อปากน้ำ สำโรง บางพลี 3.บางแคภาษีเจริญ โดยจุดที่พบว่ามีการก่อเหตุมากที่สุด คือ ป้ายรถโดยสารประจำทาง หน้าตลาด ห้างสรรพสินค้า และหลังเปิดภาคเรียนประมาณ 1 เดือน และเดือน ก.ค. จะมีสถิติสูงสุด และจะลดลงช่วงเดือน ต.ค.ก.ย. และจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือน พ.ย. สิ่งที่ตำรวจทำได้คือ เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังมากขึ้น โดยประสานกับสถานศึกษา ในการจัดสารวัตรโรงเรียนคอยดูแล และประสานร้านค้า ห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงคอยสอดส่องดูแล

แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะไม่เกิดเหตุกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นวิธีเลี่ยงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พอจะแนะนำได้คือ

1.หลีกเลี่ยงการนั่งบริเวณประตูด้านหลัง เพราะส่วนใหญ่พบว่า การก่อเหตุของนักเรียนจะอยู่ที่บริเวณที่นั่งด้านหลังของรถเมล์

2.ไม่ควรนั่งบริเวณข้างหน้าต่างด้านซ้ายของรถเมล์ เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุมักจะมีการขว้างปาสิ่งของเข้ามาอยู่เป็นประจำ

3.ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรใส่หูฟังระหว่างนั่งรถเมล์ เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิสังเกตสถานการณ์รอบข้าง

4.ระหว่างใช้บริการรถเมล์ ขอให้สังเกตกลุ่มนักเรียนกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุทะเลาะวิวาท และหากไม่มีธุระเร่งด่วน ขอแนะนำให้ลงจากรถเมล์คันดังกล่าว เพื่อรอไปขึ้นรถเมล์คันต่อไป

5.ขณะเกิดเหตุขอแนะนำให้ประชาชนโน้มตัวตัวลงต่ำกว่าหน้าต่างรถเมล์

พร้อมกันนี้ จะมีการประสานไปยัง รปภ.ของห้างสรรพสินค้าให้จับตากลุ่มเสี่ยง หากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทให้แจ้งเตือนทันที รวมถึงให้สารวัตรนักเรียนไปขึ้นรถเมล์ที่มีสถิติสุ่มเสี่ยงที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทบ่อย และหากพบเห็นเหตุโทรแจ้งได้ที่ 191 หรือ 1599

เพราะบ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป ไม่ใช่ใครจะมาก่อเหตุไล่ฆ่าไล่ทำร้ายกันได้ โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาหาความรู้ศึกษา แต่ตราบใดที่เรื่องการปลูกฝังให้รักสถาบันที่ผิดๆ ยังคงหยั่งลึกอยู่ ตราบนั้นการหลีกเลี่ยงนักเรียนอันธพาลก็ยังไม่เห็นทางที่จะแก้ไขให้หมดไปได้

&<2288;