posttoday

กมธ.ขู่ปิดก.ล.ต.เมินสอบแคลิฟอเนียว้าว

28 มิถุนายน 2556

กมธ.ขู่ปิดก.ล.ต.หลังละเลยปล่อยแคลิฟอเนียว้าวโกงเงินปชช. ขณะปปง.พบพิรุธแจ้งขาดทุน แต่มีเงินทุนหมุนเวียนก่อนปิดกิจการ 1.6 พันล.

กมธ.ขู่ปิดก.ล.ต.หลังละเลยปล่อยแคลิฟอเนียว้าวโกงเงินปชช. ขณะปปง.พบพิรุธแจ้งขาดทุน แต่มีเงินทุนหมุนเวียนก่อนปิดกิจการ 1.6 พันล.

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายตวง อันทะไชย สว.สรรหา เป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อติดตามเรื่องร้องเรียนของประชาชน กรณีบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กพีเรียนท์ จำกัด (มหาชน) ปิดบริการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่าขณะนี้ปปง.ตรวจสอบพบว่า มีการบริษัทคาว้าว และโอนเงินไปยังต่างประเทศจำนวน 1,699 ล้านบาท โดยเริ่มพบการโอนเงินตั้งแต่ปี 2545

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานไปยังปปง.ต่างประเทศ เพื่อให้ติดตามเส้นทางโอนเงินและอายัดทรัพย์ดังกล่าว ส่วนการตรวจสอบบัญชีการเงิน ทางปปง.เตรียมเชิญผู้สอบบัญชี และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มาให้ข้อมูล ว่ารับทราบถึงการโอนเงินส่วนดังกล่าวออกนอกประเทศไปหรือไม่ นอกจากนี้ เตรียมที่จะขอบันทึกรายการของธนาคารที่รับโอน ว่าโอนไปยังบัญชีของผู้ใด เบื้องต้นเข้าใจว่าบริษัทคาว้าว มีการเปิดบัญชีจำนวน 2 บัญชี คือ 1.เพื่อรับเงินจากสมาชิกในส่วนของค่าสมาชิก และ 2. เป็นบัญชีที่นำเงินออกนอกประเทศ โดยเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน

สำหรับการติดตามอายัดเงินนั้น ยอมรับว่ามีความล่าช้า เพราะต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินและสรุปคดี ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนก่อน แต่ทางปปง.เตรียมเสนอกฎหมายเพื่อให้แก้ไขและลดขั้นตอนดังกล่าวต่อสภา ในเร็วๆ นี้

ขณะที่น.ส.วิมลรัตน์ รุกบวรกุล หัวหน้าฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบของสคบ.พบว่าธุรกิจประเภทที่มีลักษณะเดียวกันกับบริษัทคาว้าว หรือมีการทำสัญญากู้เงิน เพื่อนำเงินมาจ่ายเป็นค่าสมาชิกระยะยาว ในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นลักษณะของสปา หรือ เสริมความงาม โดยทางสคบ. ได้มีการทำวิจัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร็วๆ นี้จะมีการเผยแพร่เพื่อเตือนให้ประชาชนระวังตัว เนื่องจากธุรกิจประเภทดังกล่าวมีความเสี่ยง อาทิ ไม่ได้รับบริการ เป็นต้น

ด้านพล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ สว.สรรหา ฐานะรองประธานกมธ. คนที่1 เสนอว่า ประเด็นของคาว้าว ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีหน่วยงานของรัฐและธนาคารรู้เห็นเป็นใจอย่างแน่นอน เพราะการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการโอนเงินออกนอกประเทศคราวละมากๆ จำเป็นต้องแจ้งรายละเอียด ส่วน ก.ล.ต.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบบริษัทที่เข้าในตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการค้า การลงทุน และกำไรที่เกิดขึ้น แต่ประเด็นนี้ ก.ล.ต. กลับละเลย จนทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย ดังนั้น หาก ก.ล.ต.ยังคงละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จะเสนอให้ยุบ ก.ล.ต.

รายงานข่าวแจ้งว่า จากผลการตรวจสอบเกี่ยวกับผลประกอบการบริษัทคาว้าว ที่มาจากค่าสมัครสมาชิก ผ่านทางบโอแอล และการทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัท จากข้อมูลของ ก.ล.ต. ที่ ป.ป.ง. ได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ในปี 2543 ปีแรกของการประกอบธุรกิจ ขาดทุน จำนวน 36 ล้านบาท ปี 2544 – 2545 ขาดทุนปีละ 17 ล้านบาท

โดยในปี 2545 กลับพบว่ามีการโอนเงินออกไปต่างประเทศ จำนวน 17 ล้านบาท ปี 2546 บริษัทแจ้งมีกำไร 25 ล้านบาท และพบการโอนเงินออกไปจำนวน 108 ล้านบาท ปี 2547 มีกำไร 15 ล้านบาท ไม่พบการโอนเงินไปต่างประเทศ ปี 2548 มีกำไร 72 ล้านบาท ไม่พบการโอนเงินไปต่างประเทศ

ปี 2549 มีกำไร 29 ล้านบาท พบการโอนเงินไปต่างประเทศ 25 ล้านบาท ปี 2550 ขาดทุน 94 ล้าบาท พบการโอนเงินไปต่างประเทศ จำนวน 166 ล้านบาท ปี 2551 ขาดทุน 120 ล้านบาท พบการโอนเงินไปต่างประเทศ จำนวน 102 ล้านบาท ปี 2552 ขาดทุน 272 ล้านบาท พบการโอนเงินไปต่างประเทศ 364 ล้านบาท

ปี2553 ขาดทุน 466 ล้านบาท พบการโอนเงินไปต่างประเทศ 495 ล้านบาท ปี 2554 ขาดทุน 246 ล้านบาท พบมีการโอนเงินไปต่างประเทศ จำนวน 416 ล้านบาท และปี 2555 ไม่ปรากฎยอดผลประกอบการ แต่มีการโอนเงินไปต่างประเทศ จำนวน 3 ล้านบาท

ดังนั้น สรุปได้ว่าตั้งแต่ปี 2545 ถึงก่อนปีที่เลิกกิจการ บริษัทคาว้าว มีเงินหมุนเวียนทั้งสิ้นกว่า 1,699 ล้านบาท โดย 99% เป็นธุรกรรมโอนเงินออกจากกิจการ โดยมีผู้รับเงินปลายทางเป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ทั้งภายในและต่างประเทศ