posttoday

เจ้าของที่ดินตะเพิดหลวงปู่เณรคำออกจากวัด

21 มิถุนายน 2556

เจ้าของที่ตั้งวัดป่าขันติธรรมเดือด ตะเพิดไล่หลวงปู่เณรคำให้ออกจากวัด หลังจากไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าจะสร้างวัดให้ถูกต้อง

เจ้าของที่ตั้งวัดป่าขันติธรรมเดือด ตะเพิดไล่หลวงปู่เณรคำให้ออกจากวัด หลังจากไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าจะสร้างวัดให้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ คุณแม่ลอน  มนัส  อายุ  68 ปี เจ้าของที่ดิน 15 ไร่ ที่มอบให้ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เพื่อให้ดำเนินการสร้างวัด  กล่าวว่า  จากกรณีที่พระรูปหนึ่งที่อ้างว่าเป็นประชาสัมพันธ์ของวัดป่าขันติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลวงปู่เณรคำจะไม่ยอมตั้งวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดที่ถูกต้อง โดยเมื่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองเสร็จแล้วจะยุบวัดป่าขันติธรรมนั้น ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนแรกที่ตนมอบที่ดินตรงจุดนั้นให้กับหลวงปู่เณรคำ  ฉัตติโก  เนื่องจากต้องการให้มีการจัดสร้างวัดอย่างสมบูรณ์แบบ  ซึ่งทางหลวงปู่เณรคำเอง  ก็ตกลงที่จะดำเนินการตามที่ตนต้องการ  จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปนานร่วม  10  ปี  ก็ยังไม่มีการดำเนินการสร้างวัดแต่อย่างใด   มีเพียงแค่การยื่นเรื่องเสนอกับทางกรมการศาสนา  เพื่อขอสร้างวัด  เพื่อขอใบอนุญาตตั้งวัด  จนกระทั่งใบอนุญาตได้หมดอายุ  ตามกำหนดเวลา  5  ปี  ก็ยังไม่สามารถดำเนินการสร้างวัดได้สำเร็จ  ตนได้ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางหลวงปู่เณรคำอีกครั้ง แต่กลับได้คำตอบว่า  จะไม่มีการสร้างวัด  แต่จะสร้างเป็นวิหารหลวง โดยหลวงปู่เณรคำ แจ้งว่า หากสร้างเป็นวัดขึ้นมา  ก็จะต้องมีการตรวจสอบรายได้เงินบริจาคต่างๆ  จากสำนักงานพระพุทธศาสนาและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง 

คุณแม่ลอน  กล่าวต่อไปว่า  จุดมุ่งหมายของตนตั้งแต่แรกในการมอบที่ดินให้กับหลวงปู่เณรคำ นั้น  เนื่องจากหลวงปู่เณรคำถูกชาวบ้านชุมนุมขับไล่ให้ออกไปจากป่าช้าของชาวบ้าน ทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ ตนจึงได้มอบที่ดินของตน 15  ไร่  ให้สร้างวัด ตนต้องการที่จะทำบุญโดยการสร้างวัดที่สมบูรณ์แบบ  เพราะตนก็มีอายุ  68 ปี แล้ว  แต่หลวงปู่เณรคำไม่ทำตามสัญญา  ตนจึงจะดำเนินการสร้างวัดเอง ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่เริ่มแรก  โดยจะไม่ให้หลวงปู่เณรคำ  และพระสงฆ์บางรูปอยู่ในวัดนี้ด้วย  ซึ่งในช่วงแรกที่ตนรู้จักกับหลวงปู่เณรคำ  ท่านเป็นพระที่ดีมาก  ไม่มีเรื่องราวเสียหาย  จนกระทั่งผ่านมา  2 – 3  ปี  ให้หลัง พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป  โดยไม่ยอมมาจำพรรษาที่วัด  แต่จะกลับมาวัดเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานที่วัดเท่านั้น  ซึ่งหลังจากเสร็จงาน  หลวงปู่เณรคำก็จะนำเอาเงินไปด้วย  และเดินทางไปทำกิจนิมนต์ต่อ แต่ตนก็ไม่ทราบว่า หลวงปู่เณรคำรับกิจนิมนต์ที่ใดบ้าง  ซึ่งในจุดนี้ทำให้ตนคิดว่า  หากหลวงปู่เณรคำ มีกิจนิมนต์มาก  ก็ไม่จำเป็น ต้องเข้ามาอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้  ส่วนจะไปอยู่ที่ใด  ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน  ที่จะเลือกทางเดินเอง

คุณแม่ลอน   กล่าวต่อไปว่า  การที่มีข่าวความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ ได้ส่งผลกระทบกับจิตใจตนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต่อต้านหลวงปู่เณรคำมาโดยตลอด  และได้มีการต่อต้านหลวงปู่เณรคำมากกว่าเดิม  ชาวบ้านต่างพากันสมน้ำหน้า ในการตัดสินใจของตนกับพวก ที่มอบที่ดินให้หลวงปู่เณรคำ เพื่อสร้างวัด  แต่กลับไม่ได้เป็นวัด อย่างที่ใจตนต้องการไว้   ซึ่งก็ไม่เป็นไรหลวงปู่เณรคำทำตัวของท่านเอง  อีกทั้งท่านไม่ได้อยู่สังกัดใด  พระผู้ใหญ่ก็ปกป้องไม่ได้  และหลังจากที่ข่าวคราวของหลวงปู่เณรคำเงียบไปแล้ว   ตนก็จะเอาที่ดินที่ตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมคืนมาเพื่อไปขออนุญาตสร้างเป็นวัดที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ และจะตั้งชื่อวัดใหม่อย่างที่ตนและชาวบ้านทุกคนต้องการ และพระแก้วมรกตจำลอง ก็จะยังประดิษฐานที่แห่งนี้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชน กราบไหว้บูชาต่อไป   ส่วนหลวงปู่เณรคำ   ฉัตติโกกับ พระสงฆ์บางรูป โดยเฉพาะพระกฤต นั้น ตนจะไม่ให้อยู่ที่วัดแห่งนี้และไม่ให้เข้ามาบริหารวัดอีกต่อไป  เพราะไม่อยากให้เสื่อมเสียไปมากกว่านี้