posttoday

ผลประชาพิจารณ์คนพอใจบริการบัตรทอง

16 มิถุนายน 2556

ผลประชาพิจารณ์คนพอใจในคุณภาพบริการค่อนข้างดี แต่ยังเหลื่อมล้ำในเรื่องงบส่งเสริมป้องกันโรค

ผลประชาพิจารณ์คนพอใจในคุณภาพบริการค่อนข้างดี แต่ยังเหลื่อมล้ำในเรื่องงบส่งเสริมป้องกันโรค

นายแพทย์ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเปิดเผยว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กำหนดแผนปฏิบัติการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากประชาชนและผู้ให้บริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการดำเนินการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 เพื่อให้คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ สรุปบทเรียนและประสบการณ์การดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพในอนาคต โดยที่ผ่านมาจากการการประชุมรับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการตามมาตรา 18(13) ปีงบประมาณ 2556 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545
        
สำหรับกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจำเป็นต้องปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และปัญหาพื้นฐานทางด้านสาธารณสุข จึงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการใหม่ตามมาตรา 18(10) และออกข้อบังคับของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการพ.ศ. 2556 โดยเน้นสาระ 3 ประเด็นคือ 1.เพื่อนำความคิดเห็นมาพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของการให้บริการทางด้านสาธารณสุข 2.เพื่อนำมาพิจารณาในการจัดสรรเงินกองทุนให้กับหน่วยบริการและเครือข่ายของหน่วยบริการและ 3.ประเด็นต่าง ๆของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ครอบคลุมประชาชน 48 ล้านคน
         
ด้านนายแพทย์จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นเป็นกระบวนการที่จะสะท้อนผลงานของการบริหารจัดการองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่ง สปสช.ได้จัดประชุมทุกปีเพื่อเป็นการพัฒนาบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแบบมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งผู้ให้และผู้รับบริการตลอดจนองค์กรปกครองท้องถิ่น

ทั้งนี้ ผลการรับฟังปีนี้พบว่า ผู้รับบริการค่อนข้างพอใจกับการเข้าถึงบริการทุกระดับ ขณะที่ทางผู้ให้บริการ ยังคงยึดมั่นเรื่องคุณภาพบริการของแต่ละโรคตามจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นหลัก ขณะเดียวกันผู้ให้บริการยังได้สะท้อนถึงเรื่อง การจัดสรรเงินกองทุนว่ายังมีความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นงบประมาณทางด้านส่งเสริมและป้องกันโรค เนื่องจากมีงบประมาณส่วนหนึ่งจากกระทรวงสาธารณสุขลงไปยัง รพ.สต. โดยเสนอว่าจะทำอย่างไรให้องค์ความรู้จากกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปผสมผสานทำให้กองทุนท้องถิ่นสามารถทำกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคแก่ทุกกลุ่มประชากรทุกสิทธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
         
“การจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นทั่วไปในปี 2556 ในระดับเขต ทั้ง 13 เขต มีกลุ่มเป้าหมายในการรับฟังความคิดเห็นทั้งผู้ให้บริการสาธารณสุขจากสถานพยาบาลทุกระดับ ผู้แทนองค์กรวิชาชีพต่างๆ ประชาชนทั่วไป รวมทั้งที่มีและไม่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตลอดจน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้มีส่วนได้เสีย นักวิชาการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกว่า 10,000 คนทั่วประเทศ โดยมีประเด็น 7 ด้าน คือ 1.ประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุข 2. ด้านมาตรฐานบริการสาธารณสุข 3.ด้านการบริการจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 4.ด้านบริหารจัดการสำนักงาน 5.ด้านการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน 6.ด้านการรับรู้และคุ้มครองสิทธ์และ 7.ด้านการบริการจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นและพื้นที่ เพื่อกำหนดเป็นชุดสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไป” นพ.จรัลกล่าว
         
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2548-2555 ที่ผ่านมา คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้จัดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง และผลการรับฟังความคิดเห็นได้มีการประกาศเป็นนโยบายหรือกำหนดเป็นชุดสิทธิประโยชน์แล้ว เช่น การสนับสนุนเร่งรัดพัฒนาบริการปฐมภูมิใกล้บ้านใกล้ใจ การให้ความคุ้มครองผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ การเพิ่มการเข้าถึงบริการแพทย์แผนไทย การบริหารจัดการโรคที่มีค่าใช่จ่ายสูงอย่างครบวงจร การขยายบริการทดแทนไตสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ยกเลิกการจำกัดการคุ้มครองการเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี การเพิ่มการเข้าถึงยาราคาแพง และยาในบัญชี จ(2) การนำร่องการใช้บัตรประชาชน Smart card แทนบัตรทอง การผ่าตัดปลูกถ่ายตับการผ่าตัดหัวใจ การเปลี่ยนหน่วยบริการได้ปีละ 4 ครั้ง เป็นต้น