posttoday

ตำรวจกองปราบไม่เข้าที่ทำงานทุกศุกร์

28 พฤษภาคม 2556

ผู้การกองปราบสั่งลูกน้องไม่ต้องเข้าที่ทำงานทุกศุกร์ ช่วยรัฐบาลประหยัดน้ำไฟลงพื้นที่ไปสัมผัสชาวบ้านแทน

ผู้การกองปราบสั่งลูกน้องไม่ต้องเข้าที่ทำงานทุกศุกร์ ช่วยรัฐบาลประหยัดน้ำไฟลงพื้นที่ไปสัมผัสชาวบ้านแทน

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้สั่งการด้วยวาจาในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองปราบปรามที่ผ่านมา ให้ ผู้กำกับการ 1-6 ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ และ ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ จัดทำแผนงาน และโครงการในการลงพื้นที่ หรือประชุมนอกสถานที่ที่ทำการในทุกวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ โดยเริ่มให้มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 พ.ค.ที่จะถึงนี้

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นจากแนวคิดการทำงานของตำรวจยุคใหม่ที่เรียกว่า “Office Out” หรือการทำงานนอกสำนักงาน โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการ ประการแรกเพื่อเป็นการลดค่าสาธารณูปโภคในสำนักงาน เนื่องจากสถานที่ราชการในปัจจุบันมีการใช้ไฟฟ้า และน้ำประปาจำนวนมาก อย่างที่กองปราบปรามนั้นมีรายจ่ายค่าน้ำค่าไฟรวมกันถึง 8 แสน – 1 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่ต้องเข้าทำงาน 1 วัน และออกไปทำงานข้างนอกแทน ก็จะสามารถลดค่าสาธารณูปโภคไปได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นการสอดคล้องกันนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการให้ภาครัฐลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลง

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า เป้าหมายถัดมาเป็นเป้าหมายที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างชัดเจนจากการออกไปทำงานข้างนอกของตำรวจ คือ สามารถเข้าไปสัมผัสกับชาวบ้านได้โดยตรง หรือที่เรียกว่า “รบนอกสถานที่” โดยตนกำหนดให้ทุกวันศุกร์ที่ไม่ต้องเข้าที่ทำงานนั้น ตำรวจจะต้องออกไปลงพื้นที่ชุมชน หรือไปหาที่รวมตัวกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านอาหาร เพื่อจัดการประชุมกลุ่มย่อย เช่น การประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนท์ หรือประชุมร่วมกับชุมชน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่

“ต้องเข้าใจนะครับว่าการไม่เข้าที่ทำงาน ไม่ใช่เป็นวันหยุด แต่ตำรวจต้องทำงานมากขึ้น และต้องเสนอโครงการอย่างต่อเนื่อง วิธีการนี้เป็นการปรับองค์กรในรูปแบบใหม่ เป็นการเปิดยุทธการลดค่าไฟให้ได้ 1 ใน 5 และลดอาชญากรรมไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนอกจากจะลงไปสัมผัสกับชาวบ้านมากขึ้นแล้ว ผมยังกำชับให้ตำรวจไปประสานงานกับเอกชน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐมากขึ้นด้วย หากเขามีปัญหาจะได้ช่วยกันแก้ไข และดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็น สถานทูตต่างๆ บริษัทประกันภัย และธนาคาร เป็นต้น” ผบก.ป. กล่าว.