posttoday

คุมเข้มงานบั้งไฟไร้แอลกอฮอล์

10 พฤษภาคม 2556

"หมอสมาน"จับมือสตช.บุกงานบุญบั้งไฟยโสธร เข้มบังคับใช้กฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

"หมอสมาน"จับมือสตช.บุกงานบุญบั้งไฟยโสธร เข้มบังคับใช้กฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

วันนี้ (10พ.ค.56) นพ.สมาน ฟูตระกลู  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ช่วงนี้ถือเป็นเทศกาลเริ่มต้นงานประเพณีบุญบั้งไป ดังนั้นจึงมีบางพื้นที่เริ่มร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสำนักงานฯได้รับหนังสือร้องเรียนจากเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ให้ตรวจสอบการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟที่สวนสาธารณะพระยาแถน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ระหว่างวันที่ 11-12 พ.ค.56 นี้ เนื่องจากเกรงว่าอาจมีการทำผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์2551เช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆ มา โดยเครือข่ายฯนำภาพถ่ายและแผนที่จุดเสี่ยงเมื่อปี2554-2555 ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายนำมาเป็นหลักฐานด้วย

นพ.สมาน กล่าวต่อว่า การร้องเรียนด้วยภาพถ่าย ถือว่ามีมูลความผิดจึงต้องรวบรวมข้อมูลแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี ขณะเดียวกันทางสำนักงานฯได้ขอความร่วมมือไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงทีมกฎหมาย กรมสรรพสามิต และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันลงพื้นที่จังหวัดยโสธร นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดและพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามกฎหมาย ให้ท่านช่วยตรวจสอบงานบุญบั้งไฟครั้งนี้ว่ามีการทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยขอให้ท่านบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยจากปีที่ผ่านมา เช่น การรับทุนสนับสนุนจากพ่อค้าน้ำเมาเพื่อจัดกิจกรรมพิเศษ ถือว่าเข้าข่ายจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาดหรือโฆษณา การติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ติดป้ายโปสเตอร์ที่มีโลโก้ของเครื่องดื่มหรือบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างชัดเจนหรือการกระทำอย่างใดๆที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจความหมายได้ว่าเป็นการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีความผิดตามมาตรา32 โทษจำคุก1ปี ปรับไม่เกิน5แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณสวนสาธารณะของทางราชการ ผิดมาตรา27 มาตรา 31 มีโทษจำคุก6 เดือน ปรับ1หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การลงพื้นที่ครั้งนี้หากพบว่ามีการทำผิดกฎหมายเหมือนปีที่แล้วก็ต้องดำเนินคดี และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีโทษตามประมวลกฎหมายอาญาคือ จำคุก 1 ถึง 10 ปีขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยก็ได้สั่งการโดยตรงว่า งานบุญประเพณี ควรปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันความสูญเสีย เหตุทะเลาะวิวาท หากมีการละเมิดถือว่าจัดงานโดยขัดคำสั่งปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความผิดทางวินัย นอกจากนี้ถ้าพบว่ามีการรับผลประโยชน์โดยมิชอบจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ที่มีผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และผู้ตรวจการแผ่นดิน กับสำนักงาน ปปช. ดำเนินการเอาผิดจนถึงที่สุดต่อไป” นพ.สมาน กล่าว

ด้านนายชูวิทย์  จันทรส  เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า เครือข่ายได้ติดตามงานบั้งไฟมาหลายพื้นที่ บางงานก็ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ปลอดเหล้าไปแล้ว ไม่มีการขายการดื่มหรือโฆษณาส่งเสริมการขายใดๆ แต่ยังเป็นส่วนน้อย งานส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยน้ำเมารวมถึงการพนัน เครือข่ายยังพบว่างานบั้งไฟเป็นเป้าหมายสำคัญของทุนน้ำเมา ที่จะเข้าไปโฆษณาแฝง ส่งเสริมการขาย มีเอเย่นผู้ประกอบการน้ำเมายุยงส่งเสริม การกระทำเช่นนี้ถือว่าเอาเปรียบสังคมทำการค้าโดยไม่มีจริยธรรม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึงท้องถิ่นก็ปากว่าตาขยิบ บางแห่งเรียกได้ว่าท้าทายกฎหมาย ซึ่งในปีนี้เครือข่ายฯจะลงพื้นที่เก็บข้อมูลหลักฐานให้มากที่สุดเพื่อส่งให้สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด รวมถึงจะส่งข้อมูลไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพราะถือเป็นการท้าทายกฎหมายและคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้รับผิดชอบในทุกพื้นที่ ที่จะจัดงานบุญบั้งไฟ คำนึงถึงความปลอดภัย ไม่ควรให้น้ำเมามาทำลายงานบุญประเพณีที่ดีงาม และอาจผิดกฎหมายด้วย