คนกรุงมองเที่ยวสงกรานต์เซ็นทรัลเวิลด์เสี่ยงน้อย
เปิดผลสำรวจชาวกทม.ช่วงสงกรานต์ ชี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเป็นสาเหตุหลักปัญหา ขณะที่เซ็นทรัลเวิร์ล ขึ้นแท่นเสี่ยงน้อยสุด
เปิดผลสำรวจชาวกทม.ช่วงสงกรานต์ ชี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเป็นสาเหตุหลักปัญหา ขณะที่เซ็นทรัลเวิร์ล ขึ้นแท่นเสี่ยงน้อยสุด
นายนรินทร์ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาคมควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชุมชน กทม. กล่าวถึงผลการสำรวจ “ ทัศนคติมุมมองของชาวชุมชนต่อเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ กทม. ปี56” โดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ โดยสำรวจจาก 17 ชุมชนทั่ว กทม.แบ่งเป็นเพศชาย 430 คน คิดเป็น 45.3% หญิง520 คน คิดเป็น 54.7%
นายนรินทร์ กล่าวว่า ทั้งนี้จากผลการสำรวจ ถึงปัญหาทีเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ กทม. คือ การทะเลาะวิวาท เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 31.6% อันดับสอง คือ ถูกลวนลาม คุกคามทางเพศ 18.5% การแต่งกายล่อแหลม 21.1 % นอกจากนี้ ลานเซ็นทรัลเวิร์ล ขึ้นแท่นเล่นสงกรานต์เสี่ยงน้อยสุด 5.4% ขณะที่ถนนข้าวสารเสี่ยงสูงสุด 48.4% ตามด้วยสีลม 31%
นายนรินทร์ กล่าวต่อว่า ในหัวข้อปัญหาส่วนใหญ่ทีเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พื้นที กทม.มีสาเหตุหลักมาจาก อันดับหนึ่งคือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิดเป็น 66.6% อันดับสองคือ การแต่งกายไม่เหมาะสม คิดเป็น 12.8 % และจากผลการสำรวจในหัวข้อ ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการจัดการพื้นที่เล่นสงกรานต์ปลอดเหล้าในเขต กทม. ผู้สำรวจจาก 970 คน เห็นด้วยถึง 811 คน คิดเป็น 85.4% ในขณะเดียวกัน ก็เห็นว่าหน่วยงานรัฐได้ใช้กฎหมายบังคับ เพื่อป้องกันและการแก้ไขปัญหาในช่วงสงกรานต์ ยังไม่เต็มที่ คิดเป็น 40 %
นายนรินทร์ กล่าวว่า จากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าลานเซ็นทรัลเวิร์ล ถือเป็นพื้นที่ที่ชาวกทม.ให้ความไว้วางใจ และจัดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยเหมาะแกการเล่นสงกรานต์ซึ่งต่างจากพื้นที่อื่นในกทม.อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาที่ทางเครือข่ายได้ร่วมกันเฝ้าระวังในพื้นที่ต่างๆ เช่น ลานคนเมือง เสาชิงช้า หรือบริเวณชิดลม โดยร่วมกับเยาวชนในการเดินรณรงค์ พร้อมทั้งผู้นำชุมชนในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะผู้นำชุมชนในเขตบางกอกน้อย ในเรื่องของสงกรานต์ปลอดภัยปลอดเหล้า พบว่า 10 กว่าชุมชนในย่านบางกอกน้อยให้ความร่วมมือในกิจกรรมอย่างดีมาก ทำให้สามารถลดปัญหาในชุมชนได้กว่าครึ่ง ขณะเดียวกันเด็กเยาวชนในพื้นที่ก็ตื่นตัวโดยมีการทำงานกันในพื้นที่ ชูประเด็นไม่ไปเล่นน้ำสงกรานต์ในจุดต่างๆเช่น สีลม หรือตรอกข้าวสาร ซึ่งเรียกว่าเป็นการให้เยาวชนอยู่กับชุมชนทำงานในพื้นที่รณรงค์เรื่องการไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และชูงานวัฒนธรรมปลอดเหล้าซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก
ด้าน นายนายธีรภัทร คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ในฐานะที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยตำแหน่ง ตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การที่กทม.ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ กำหนดให้พื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ปลอดน้ำเมา ปลอดภัย อาทิ สีลม ลานคนเมือง กทม. เซ็นทรัลเวิร์ล ฯลฯ การให้พื้นที่ที่มีคนไปเล่นน้ำจำนวนมากเป็นพื้นที่ปลอดเหล้าถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องขอบคุณ กทม. ที่มีนโยบายนี้
อย่างไรก็ตามนอกจากปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ปัญหาการถูกคุกคาม ล่วงละเมิดทางเพศในพื้นที่เล่นน้ำ ก็เป็นปัญหาใหญ่ ที่มิอาจละเลยได้เช่นเดียวกัน เพราะจะนำไปสู่การทำลายการท่องเที่ยวในที่สุดด้วย เครือข่ายจึงอยากเรียกร้องกับ กทม. ดังต่อไปนี้ การโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า ปลอดภัย ที่มีอยู่แล้ว และควรกำหนดเพิ่มเติมอีก เช่น ถนนข้าวสาร ต้องให้เป็นจริงในทางปฏิบัติโดยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สรรพสามิต เทศกิจ สำนักงานเขต รวมถึงชุมชน ร้านค้าในพื้นที่ ซึ่งปัญหาที่เกี่ยวข้องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล้วนมีกฎหมายควบคุมไว้แล้วทั้งสิ้น ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ทั้งอุบัติเหตุ ความรุนแรง การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ จึงขึ้นอยู่กับความจริงจังของผู้บังคับใช้กฎหมาย กทม. ควร เร่งประสานความร่วมมือเพื่อกำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรม ให้มีการบังคับใช้กฎหมายจริงใจ จริงจัง และไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของสำนักงานเขตฝ่ายเดียว กทม. ต้องสนับสนุนและให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง
นายธีรภัทร กล่าวต่อว่า ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการถูกคุกคาม ล่วงละเมิดทางเพศ ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ควรมีการกำหนดจุดรับเรื่องร้องเรียนและช่วยเหลือให้ชัดเจน มีการกำหนดแนวทางการช่วยเหลือเป็นขั้นเป็นตอน และควรติดป้ายประชาสัมพันธ์ฐานความผิดรวมถึงเบอร์โทรศัพท์ให้ความช่วยเหลือ เช่นสายด่วน 1555ของกทม. และควรเพิ่มกล้องวงจรปิดในพื้นที่ด้วย ควรมีการตั้งจุดตรวจค้น อาวุธและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนการเข้าไปในงาน ซึ่งมาตรการนี้ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายปีในพื้นที่ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิร์ล และใน60 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ เป็นต้น และ กทม. ควนร่วมมือกับภาคประชาสังคม ชุมชน และเครือข่ายต่างๆ ในการมีส่วนร่วมเฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา ช่วยกันทำให้สงกรานต์ มีความปลอดภัย และรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามนี้ อันจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ถูกทางด้วย